Skip to main content

facebook search

หลักธรรม หลักฐานพุทธศาสนา รอยลูกปัด ถิ่นธรรมเมืองนคร พระบรมธาตุนคร และเที่ยวให้ถึงธรรม
11 October 2025

20251010_1 เพียงบาง #การขับเคลื่อนภาคพลเมืองที่เมืองนคร Some #CivicMovementAtNakorn

เพียงบาง #การขับเคลื่อนภาคพลเมืองที่เมืองนคร

Some #CivicMovementAtNakorn

(20251010_1 เพื่อแผ่นดินเกิด)

เมื่อวานนี้ที่เพื่อนพี่น้องชวนกันมาตั้งวงสุนทรียสนทนา

"#จากยมนาถึงสมัชชาคนคอน" ที่ #หลานาคร ใน บวรนคร และชวนผมร่วมด้วยนั้น

มี อานนท์ มีศรี เป็นคนดำเนินรายการ

ส่วนคนขบคิดและขับเคลื่อนสำคัญมีนาย องอาจ พรหมมงคล นายเรียง สีแก้ว Kantanat Rattanawik กับพวก

แล้วก็น่าจะ Mana Chuaichoo กับ ผญ. Komest Thongbunchu อีกคนที่ผมเห็นหารือกันอยู่

งานนี้นอกจากมี อ. Chaiwat Thirapantu บุญธรรม เทอดเกียรติชาติ บุญเสริม แก้วพรหม Chaiyachot Uttamang

แล้วยังมี ดำ - ดำรง โยธารักษ์ เลี่ยม - วัชระ เกตุชู แล้วก็ แมน - ปกรณ์ อารีกุล ด้วย

กับทีมน้อง ๆ อีกหลายคนช่วยเก็บประเด็นเป็นแผ่นภาพ

เมื่อคืนนี้มานะได้สรุปเล่าตามนี้

นายเรียง สีแก้ว จั่วส่งท้ายไว้ว่า

" หลากลางของคนคอน ไม่เคยสูญหาย แต่วิวัฒน์ไปตามยุคสมัย ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยและห้วงเวลา รับไม้-ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นอย่างไร้รอยต่อ "

พร้อมกับเอาที่มานะ ช่วยชู เรียบเรียงไว้ มาบอกต่อความว่า

"การไม่ยอมจำนนต่อความไม่เป็นธรรม" 

มีมาตั้งแต่ปี 2466  จนถึงปัจจุบัน 

  • ยุคเริ่มต้นวงสนทนาเริ่มจากเรื่องของกลุ่มชาวนครที่ขอคืนการจัดงานเดือนสิบจากราชการมาจัดกันเอง ในปี 2466
  • ยุคของการสร้างชุมชนของบ้านคีรีวง
  • ยุคของการรวมกลุ่มของแกนนำชาวบ้านในชื่อ “ยมนา” (ย-ยางพารา ม-ไม้ผล นา-นาข้าว) เพื่อให้เกิดพลังต่อรอง
  • ยุคของการรวมตัวของกลุ่มวรรณกรรม-กลุ่มนาคร สวนสร้างสรรนาคร-บวรรัตน์ แหล่งมั่วสมสร้างสรรค์ทางปัญญา  
  • ยุคของขบวนการดับบ้านดับเมือง การรวมกลุ่มของนักพัฒนาชุมชน 13 เครือข่ายในภาคใต้ เพื่อเสริมเติม “ชุมชนเป็นสุข” 
  • ยุคของการเคลื่อนสมัชชาสุขภาพ-ขบวนการสร้างนโยบายสาธารณะ นครน่าอยู่ การสานพลังของท้องถิ่นเครือข่ายประเด็นงานพัฒนาต่าง ๆ 
  • ยุคของขบวนการคัดค้านเขื่อนคลองกลาย โรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเรือน้ำลึกของเชฟรอนที่มุ่งหมายจะตั้งในหลายอำเภอ
  • และยุคสมัยหลังจากนี้ไปในอนาคต เป็นยุคของคนรุ่นใหใ ที่จะได้ลงไม้ลงมือสร้างสรรค์นคร ให้นครเป็นเมืองแห่งความสุข

ทุกเรื่องราวล้วนสะท้อนถึงการต่อสู้ของประชาชนกับรัฐและทุน  สำนึกปกป้องบ้านเกิด  ความพยายามของพี่น้องชาวบ้านในการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ 

คงมีระบบหรือกลไกอะไรบางอย่างที่ทำหน้าที่สืบทอด “ระบบคิดและคุณค่า” เหล่านี้ให้กับคนคอน  ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร   แต่เชื่อมั่นว่ามันคงไม่หมดไปแน่นอน…

ขอบคุณโอกาสที่เปิดพื้นที่ให้คนคอน “บวรนคร” คุณหมอบัญชา ขอบคุณอาจารย์ชัยวัฒน์ ที่ร่วมสร้างสุนทรียสนทนาในครั้งนี้ และพี่ๆ น้องๆ ที่ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนทุกท่าน

#บวรนคร

#สมาคมเพื่อนเยาวชนและพัฒนาสังคมภาคใต้ตอนบน

#ยมนาถึงสมัชชาคนคอน

#ดับบ้านดับเมือง

ผมขอต่อตามนี้นะครับ ... (มีเพิ่มเติมจากที่นำเสนอวานนี้)

๑) ผมมองว่านี้เป็นเพียงบาง #การขับเคลื่อนภาคพลเมืองที่เมืองนคร ที่อันที่จริงแล้วยังมีอะไรอีกมากที่เราก็ไม่รู้ เฉพาะที่พอรู้กันนี้ก็มากมายแถมเริ่มจะเลือนหาย เสียดายไม่ได้นำเอามาใช้เพื่อเพิ่มพูนพลัง

๒) การที่น้อง ๆ จั่วว่าจาก #ยมนา มา #ดับบ้านดับเมือง วง #หยวกกล้วย แล้ว #สมัชชาฅนคอน นั้น ผมขอเติมเป็นสัก ๓ ช่วงคร่าว ๆ

คือตั้งแต่ยุค #สมัยปรัมปรา - #ยุคเท่าที่พอรับรู้ผ่านบันทึก - #ยุคที่มีส่วนร่วมสมัย

๒.๑) #สมัยปรัมปรา ถามว่ามีเรื่องราวของการขับเคลื่อนภาคพลเมืองชาวนครเคยปรากฏตรงไหนบ้าง ?

วานนี้ที่ผมยกเรื่อง #คีรีวง ที่ อ.พรพิไล เลิศวิชา มาวิจัยและเสนอว่าคนคีรีวงคือ #ไพร่หนีนาย

แต่สุดท้ายพี่น้องคีรีวงว่าไม่ใช่ เพราะพวกเขาไม่ใช่ไพร่ แต่คือคนไม่ยอมนายพวกหนึ่ง

ที่เลือกหลีกหนีไปอยู่เยี่ยงเสรีชนกันต่างหาก

หรือหากจะเรื่อง #พังพะการ ที่เป็นตำนานเล่าขานถึงเด็กน้อยเมืองนครที่เล่นจับปลากับเพื่อนแล้วสำแดงฤทธิ์จนกลายเป็นขุนพลคนสำคัญทำการกู้เมืองนครไว้ได้ดังนี้

จนแม้กระทั่ง #ตาขุนลก ผู้อุปัฏฐาก #เณรปู ที่มาอยู่วัดเสมาเมือง จนบวชพระที่ท่าแพแล้วส่งต่อไปยังกรุงศรีอยุธยาจนรุ่งเรืองเป็น #หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืดที่คนนับถือทั่วประเทศในทุกวันนี้

พอสรุปได้ว่า มีเบาะแสบทบาทของภาพพลเมืองในเมืองนครไม่น้อย

และแสดงถึงบทบาทที่ไม่ได้เล็กและน้อยเลยทีเดียว

เฉพาะเรื่องที่คีรีวง ผมเชื่อว่าชาวนครที่อยู่กันเต็มจังหวัดจนแม้กระทั่งที่ออกไปอยู่ในดินแดนอื่น ๆ ไม่เฉพาะภาคใต้ แต่ทั่วทั้งประเทศก็น่าจะมีความพ้องกันคือรักเสรี ไม่ยอมคน ปล้ำตัว รวมทั้งช่างเสาะหาความรู้ความคิดอ่านเพื่อพัฒนาชีวิตจิตใจและสังคม ฯลฯ

๒.๒) เท่าที่มีบันทึก ในกรณีการจัด #งานเดือนสิบที่สนามหน้าเมือง

ในปี ๒๔๖๖ คณะข้าราชการในนครได้รวมตัวกันจัดงานสวนสนุกเดือนสิบกันที่หน้าเมือง

เพื่อเก็บเงินบำรุง #สโมสรข้าราชการ จนสามารถสร้างอาคารสโมสรและมีเงินเก็บไว้ใช้ในกิจการของสโมสรข้าราชการ เช่น สร้างสนามเทนนิส ฯลฯ

จนประมาณปี พ.ศ.๒๔๗๐+ ได้มีคณะชาวนครกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันตั้งเป็น #นครสมาคม

บอกว่าเพื่อทำประโยชน์สาธารณะ ไม่ได้เพื่อคณะกลุ่มบุคคล

ยื่นเสนอต่อทางจังหวัดว่างานเดือนสิบที่สโมสรข้าราชการจัดนั้น ได้เงินมากพอแล้ว

ขอให้นครสมาคมจัดแทน เพื่อเอารายได้มาทำประโยชน์สาธารณะแทน

โดยคณะนี้ได้รับงานเดือนสิบมาจัดกันต่อจนน่าจะเข้าสมัยสงครามจึงเลิกไป

กลับมาใหม่ก็กลายเป็นทางจังหวัดเป็นผู้จัด โดยนำรายได้มาพัฒนาท้องถิ่น

ก่อนที่ในระยะหลังมานี้เปลี่ยนเป็นระบบรับเหมาและเป็นอย่างที่เป็นในทุกวันนี้

ทั้งนี้ ที่ทำการนครสมาคมที่ว่า ก็ตั้งอยู่ที่ #ตึกยาวบวรนคร ตรงนี้

เป็นที่ทำการของ #โรงเรียนจีนสยามนครศรีธรรมราช ของนครสมาคมด้วย

๒.๓) ยุคร่วมสมัย อันที่จริงแล้วก่อนเกิด #เครือข่ายยมนา ที่เมืองนครในปี ๒๕๓๕

เมื่อปี ๒๕๒๕ ในเมืองนครมีครูกลุ่มหนึ่งที่ชอบการขีดเขียนวรรณกรรมสร้างสรรค์

ได้รวมตัวกันตั้ง #กลุ่มนาคร ขึ้น จนต่อมาในปี ๒๕๒๘ ได้ร่วมกันก่อตั้ง

เป็น #สวนสร้างสรรค์นาครบวรรัตน์ ประกาศว่าจะเป็น #แหล่งมั่วสุมทางปัญญาใจกลางเมือง

ที่ #ตึกยาวบวรนคร นี้

ทำกิจกรรมสารพัดทั้งวรรณกรรม ศิลปวัฒนธรรมประเพณีจนถึงการพัฒนาสังคมและชุมชน

จนกลายเป็นจุดเชื่อมโยงของผู้คนที่ใฝ่เรียนรู้และสร้างสรรค์

เริ่มออกไปทำงานกับพี่น้องที่ #คีรีวง จนเกิดเหตุ #อุทกธรณีภัย ในปี ๒๕๓๑

ซึ่งขณะนั้น แต่ละชุมชนหมู่บ้านในนครก็กำลังตื่นตัวในการพัฒนาต่าง ๆ หลังผ่านความวุ่นวายไม่สงบสารพัด

ไม่ว่าจะเรื่อง #ผู้ก่อการร้าย ที่คลี่คลายมาเป็น #ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

รวมทั้งการขยับใหม่เรื่องประชาธิปไตย การเลือกตั้ง จนเกิดกรณี #พฤกษภาทมิฬ มาเป็นบรรยากาศ #ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม

ในปี ๒๕๓๕ กลุ่มผู้นำชุมชนชาวบ้านในเมืองนครคณะหนึ่ง

จากหลายพื้นที่ มีทั้งที่คีรีวง ลานสะกา ไม้เรียง ฉวาง และ ชะอวดเชียรใหญ่

มี #มูลนิธิหมู่บ้าน มาร่วมขับเคลื่อนหนุนเสริมการพัฒนาต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับภาคชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศไทย

ขณะนั้นคีรีวงโดดเด่นเรื่องกลุ่มออมทรัพย์และการฟื้นฟูชีวิตชุมชนหลังอุทกธรณีภัย

ขณะที่ไม้เรียงก็โดดเด่นเรื่องแผนพัฒนาวิสาหกิจชุมชนคนทำสวนยาง

ดำริที่จะร่วมกันขับเคลื่อนภาคชุมชนหมู่บ้านในเมืองนครด้วยหลักคิดเดิมเรื่อง #เกลอเขาป่านาเล

ตั้งเป็น #เครือข่ายยมนา (ย - ยางพารา / ม - ไม้ผล / นา - ไร่นาสวนผสม) ที่ต่อมาก็ขยับถึงพี่น้องชาวประมงตามชายฝั่งถึงทะเล

ผมถือว่านี้คือการขับเคลื่อนครั้งสำคัญของคนนครในระดับพื้นฐานของการขยับขยายทั้งหลายในระยะต่อมากว่า ๓๐ ปี จนถึงทุกวันนี้

ขณะเดียวกันในนครก็มีกลุ่มขับเคลื่อนการ #อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วย

โดยในระยะนั้นมีการขับเคลื่อนอีกหลายอย่างคู่เคียงกันมา

อาทิ ภาคธุรกิจก็เกิดมี #หอการค้าจังหวัด #สภาอุตสาหกรรมจังหวัด

ภาคชุมชนสังคม เกิด #กปอพช. ที่มี NGO เป็นหลัก โดยที่เมืองนครไม่ค่อยมีเข้ามาทำเป็นหลักอย่างที่สงขลา

พร้อมกับการก่อเกิดของ #มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ที่ระยะก่อตั้ง ได้มุ่งสนับสนุนงานภาคประชาสังคมและการขับเคลื่อนสังคมด้วย

จนกระทั่งหลังจากเกิดปัญหาเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประเทศไทย พร้อมกับการก่อเกิดกิจกรรมโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่ #SIF #พอช. #สสส. #สช. ฯลฯ

โดยในช่วงเวลาดังกล่าว มีสามโครงการใหญ่เกิดขึ้นในนคร

#ประตูระบายน้ำที่ปากพนัง #เขื่อนที่คลองกลาย และ #นิคมอุตสาหกรรมที่ท่าศาลาสิชล

ซึ่งสองโครงการหลังมีการขับเคลื่อนของภาคชุมชนท้องถิ่นสิ่งแวดล้อมจนระงับไป

สำหรับการขับเคลื่อนจนเป็น #สมัชชาฅนคอน ที่จะจัดในวันที่ ๑๗ ตุลานี้ที่วลัยลักษณ์นั้น

หลังจากตั้ง สสส.และ สช.ขึ้นแล้ว

ในนครเริ่มมีการขับเคลื่อน #เครือข่ายสุขภาพจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อราวปี ๒๕๔๓

ที่ยังมุ่งเน้นกิจกรรมเชิงสร้างสุขภาพ

จนกระทั่งปี ๒๕๔๖ เมื่อ สสส.เริ่มแผนงาน #สุขภาวะชุมชน และขอให้ช่วยเริ่มขบวนงาน #สร้างเสริมสุขภาวะชุมชนในภาคใต้

พวกเราจึงได้ประสานเพื่อร่วมพัฒนาภาคใต้และหลายภาคี ก่อเป็นขบวนงาน #ดับบ้านดับเมือง : เรียนรู้อยู่ดีที่ปากใต้

หมายถึงการจัดขบวนการเรียนรู้สร้างสรรค์พัฒนาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี - Well Being สอดคล้องกับนิยาม สุขภาวะ ขององค์การอนามัยโลก

คือการเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางกาย ใจ ปัญญา สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม

ขยายตัวใน ๑๓ เครือข่ายภาคพัฒนาระดับชุมชนหมู่บ้าน ใน ๒๐๐+ หมู่บ้านทั้ง ๑๔ จังหวัดภาคใต้

โดยในปี ๒๕๕๐ โดยประมาณ จึงเริ่มมีการจัดงาน #สมัชชาสุขภาพ ในระดับจังหวัด และ ระดับภาค

ที่ทุกวันนี้มีการสานต่อและขยายเป็นการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ

ในหลากหลายประเด็นที่เป็นงานของภาคพลเมือง ชุมชนท้องถิ่น ฯลฯ

ทั้งหมดนี้เท่าที่ผมพอรู้และมีส่วนร่วม และน่าจะมีอีกส่วนมากที่ผมไม่รู้

ฝากท่านที่รู้และทำอะไรอื่น มาช่วยกันเติมไว้เพื่อคนรุ่นหน้านะครับ

ทั้งนี้ ผมมีบางหมายเหตุที่เป็นข้อสังเกตุส่วนตัวตามนี้

๑) เมืองนครเรานี้ มีผู้คนมากมาย พื้นที่กว้างใหญ่ เรื่องราวก็สารพัด

     ที่สำคัญคือ #เมืองเรามีเสรีชนคนใฝ่รู้คิดค้นพัฒนาสร้างสรรค์สารพัด

     เต็มไปด้วยพลังการเรียนรู้และสร้างสรรค์ มีไม่น้อยที่มักไม่ค่อยยอมใคร ฯลฯ

๒) ที่ผ่านมามี #ความพยายามก่อตัวเพื่อเชื่อมโยงกันในภาคพลเมืองชุมชนท้องถิ่น เรื่อยมา

     มีความสำเร็จในบางระดับ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมดา

     แต่ยังไม่เกิดเป็นเชิงระบบและโครงสร้างเพื่อการประสานให้สร้างสรรค์พัฒนายิ่ง ๆ ขึ้น

     มีบางครั้งที่เกิดความพลาดจนเสียหาย อาทิความวุ่นวายในเมืองถึงขั้นเผาจวนผู้ว่า

๓) ทำอย่างไรจึงจะให้ #ภาคพลเมืองชุมชนท้องถิ่น ไม่เฉพาะในนคร และทั้งประเทศนี้

    ได้ #มีที่ทางเชิงระบบเพื่อเชื่อมประสานกับภาคพัฒนาอื่นๆ ของบ้านเมือง จังหวัด และประเทศ

     อย่างที่ภาคธุรกิจมีกันมาก ไม่ว่าจะเป็นหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัด

     ครั้งหนึ่ง รัฐบาลหนึ่ง เคยริเริ่มก่อตั้ง ครม.สังคม ที่ผมก็ได้รับแต่งตั้งในระดับประเทศด้วย

     แต่ครั้งนั้นนานมากแล้ว ระบบรองรับต่าง ๆ ยังไม่มีอะไร

     ขณะนี้ที่มีอะไร ๆ มากมาย มีแม้กระทรวง พม. มีแม้ พอช.

     ฝากท่านที่เกี่ยวข้องและขับเคลื่อนเรื่องนี้ลองคิดกันดูครับ

 ๑๐ ตุลา ๖๘ ๐๙๐๙ น.

บ้านบวรรัตน์ ท่าวัง เมืองนคร

https://www.facebook.com/photo?fbid=1924369135124866&set=pcb.1924432651785181