Print

๑๐ ปี ในระบบราชการ ๒ แบบของไทย (๒๕๒๕-๓๕) 
UnHappy in Working for 2 Thai Government Office
(bunchar.com บัญชาชีวิต 20170105_5)

จากระบบสาธารณสุขไทยที่แพทย์ผู้ใช้ทุนต้องชี้ชะตาตนด้วยการจับฉลาก แล้วผมลงเอยที่ศูนย์ฯ โรคปอด เมืองนคร เป็นราชการส่วนกลางด้านวิชาการเชิงบริการที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค รับผิดชอบดูแลและพัฒนาระบบป้องกันและรักษาวัณโรคใน ๗ จังหวัดภาคใต้ตอนบน ที่อาสาทำทั้งการดูแลรักษากับออกนิเทศพัฒนาระบบทั้ง ๗ จังหวัดแล้วเจอ “ของแปลก” สารพัดจนทำท่าว่าเริ่มเสียศูนย์

ก็เลยลาบวชเรียนแล้วกลับมาลุยอีกรอบจนครบ ๕ ปีก็ยุติได้ว่าลาเลยราชการกรมกองนี้ แล้วลองไปอยู่ท้องถิ่นที่เทศบาลเมืองนคร เป็น ผอ.กองสาธารณสุข ดูแลทั้งสถานพยาบาล อนามัยสิ่งแวดล้อม การพัฒนาชุมชน จนคึกคักไปทั้งเมือง แต่กลายเป็นเป้าทางการเมืองของทุกฝ่ายทั้ง ๆ ที่ประกาศชัดว่าไม่ลงไปแย่งแข่งใครก็ไม่ใคร่เชื่อกัน

ช่วงแรกได้รับโอกาสพิเศษจากกองวัณโรค ส่งไปอบรมที่ญี่ปุ่น-เกาหลีสองสามเดือนโดยอดที่จะเที่ยวจนทั่วตามวิสัยไม่ได้ ขณะเดียวกันการได้ลาบวชไปอยู่เรียนที่สวนโมกข์กับท่านอาจารย์พุทธทาสและอาจารย์โพธิ์จนเจอของดีที่เปลี่ยนชีวิตครั้งใหญ่นั้นถือเป็นหนึ่งในที่สุด

นอกจากนั้นยังได้ร่วมกับเพื่อนพ้องญาติมิตรตั้งสวนสร้างสรรค์ นาคร-บวรรัตน์ เป็นแหล่งมั่วสุมทางปัญญาที่ใจกลางเมืองนคร กับ ขบวนการ ฅนคอน ทำอะไรต่อมิอะไรสารพัด รวมทั้งการทุ่มเทฟื้นฟูคีรีวงหลังน้ำท่วมใหญ่จนพลิกผัน โดยโดนลากไปเป็นนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและรองประธานหอการค้าอยู่พักหนึ่งด้วย จนกระทั่งเกิดกรณี พฤษภาคม ๓๕ ที่ทนเป็นข้าราชการต่อไปไม่ได้จึงขอลาออกให้พ้น ๆ จากรัฐบาลสุจินดา แต่พลิกผันเมื่อรัฐบาลล้ม แล้วไปสมัครเป็นครูเพื่อจะสอนสุขศึกษาในวิทยาลัยครูให้คนข้องใจว่า “หมอนี่ เป็นอะไรไปแล้ว ?”

๕ มค.๖๐