เพื่อแผ่นดินเกิด

ณ กำลังนี้ เมื่อ ๔๙ ปีก่อน ทั่วทั้งประเทศไทยกำลังปั่นป่วนไปทั่ว

ในหนังสือ #อนุสรณ์พระราชทานเพลิงศพวีรชน ณ เมรุท้องสนามหลวง

ระบุไว้ว่า ...

วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ...

๑๖๒๐ น. ศูนย์นิสิตฯ ได้ส่งหน่วยประจายเสียงเคลื่อนที่ออกชี้แจง และทำความเข้าใจกับประชาชน และขอร้องให้หน่วยต่อต้านรัฐบาลหยุดทำการรุนแรง

๑๗๐๐ น. กองบัญชาการศูนย์ฯ ได้เริ่มสลายตัวจากธรรมศาสตร์ ไปรวมที่อนุสาวรีย์และได้ปิดกองบัญชาการ

๑๗๓๕ น. รัฐบาลยื่อนคำขากให้ พกจ.ออกจากบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และบริเวณใกล้เคียงภายในเวลา ๑๘๐๐ น. และว่าจะเข้าทำการเคลียร์พื้นที่บริเวณดังกล่าว

๑๘๐๐ น.รัฐบาลจอมพลถนอมได้ประกาศลาออก ...

โดยก่อนหน้านั้นตลอดวันและคืนที่ ๑๓ ตุลาคม จนเช้าวันที่ ๑๔

เต็มไปด้วยความโกลาหลอลหม่าน

แม้ผมเองก็ยัง #ปีนกำแพงวชิราวุธ

ออกมาดูการชุมนุมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ...

วันนี้ ผ่านไปเจอสองเล่มนี้บนชั้นใน The Library At Nakorn

ก็เอามาพลิกอ่าน ควบคู่กับอีกเล่ม

ที่เจอที่ริมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อไม่กี่วันก่อน

เหมือนมีหลายอย่างซ่อนเงื่อนอยู่อีกที่เรานั้นไม่ล่วงรู้ว่าใครเป็นใครและอะไรเป็นอะไร

แต่ที่น่าสนใจมากคือในหนังสือที่ระลึกพระราชทานเพลิงศพวีรชน ๑๔ ตุลา

มีบทความของ #ท่านอาจารย์พุทธทาส ด้วย แต่เขียนไว้แต่เดือนมีนาคม ๒๕๑๓

น่าจะเป็นการเสนอแนะของนายกรัฐมนตรีสมัยนั้น คือ ท่าน อ.สัญญา ธรรมศักดิ์

เนื้อหาว่าด้วยการ #สัมมนาพระพุทธศาสนาในสังคมไทย

ที่อ่านแล้ว แม้เมื่อ ๔๙ ปีก่อนโน้น จนถึงทุกวันที่ล่วงมาจะ ๕๐ ปีแล้ว

เหมือนว่าอะไร ๆ ก็ยังไม่ได้ทำกันสักเท่าไหร่เลย

ขณะที่ #พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย นั้น เหมือนว่าหมดสภาพ ฯลฯ

ส่วนขบวนการนักศึกษา และประชาชนพลเมือง เป็นอย่างไรบ้างแล้วนั้น

พอดีเลือกข้างวัดและบ้าน ผมเองก็ตามไม่ค่อยทันครับผม

๑๔ ตุลา ๖๕ ๑๗๕๐ น.