• อินดีย

สวัสดีอีกครั้ง จากคุชราชบ้านเกิดคานธีและนายกโมดี้ 

ขอส่งรายงานมาแบบด่วน ๆ ประมาณนี้นะครับ เอาเฉพาะที่ได้ไปดูชุมชนทำลูกปัดเมือง "กำปัด" ชื่อยังกะ "ลูกกำปัด" ของคนอู่ทองเลย เมืองนี้ทำลูกปัดต่อ ๆ กันมาเป็นพัน ๆ ปี มีทั้งเขตมุสลิม ฮินดู เชน ฯ ที่ทำลูกปัดกันเป็นเขต ๆ พวกเราแวะไปที่บ้านของศิลปินเอก ให้เขาสาธิตวิธีทำซึ่งยังทำกันตามแบบโบราณเมื่อพันปีก่อนตั้งแต่สมัยฮารัปปา เขากะเทาะหินคาร์เนเลียนออกมาเป็นใบมีด เป็นลูกปัดโกลน รวมทั้งหินหัวเจาะรูลูกปัด จากนั้นเราก็เวียนดูไปเรื่อย ในภาพนอกจากการสาธิตที่ลานบ้านแล้ว อาจารย์ Mark Kenoyer ยังให้เขาเอาลุกปัดที่ทำไว้เก่าออกมาให้ดู พี่น้องนากาแลนด์รุมเซ้าซี้ขอซื้อเพื่อเอาไปที่นากาแลนด์ซึ่งเป็นเขตคลั่งลูกปัดเมืองกำปัดมาก ๆ อาจารย์คนหนึ่งบอกว่าจะเอาไปให้ลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัยได้ดู จนเขาตกลงขาย ผมก็เลยได้พลอยขอปันเอากลับมาเมืองไทยด้วย นอกจากนี้ได้ดูศูนย์อบรมเยาวชนทำลูกปัด กำลังขัดอมิทิสต์กันอยู่ สุดท้ายเข้าไปบุกบ้านพ่อศิลปินเอกคนนั้น เกือบไม่ได้กลับเพราะรุมกันซื้อแบบห้องแคบ ๆ แทบพัง ทำเอากลับมาถึงโรงแรมก็ ๔ ทุ่มครึ่ง ผมได้นำสายสร้อยสะเอว-สะโพก ทำตามแบบสมัยฮารัปปาสืบต่อมาสมัยโมริยะ ด้วยลูกปัด Blood Stone ตามแบบเดิม มีคชตัวคั่งเงินแท้ เขาบอกว่ายากจะทำได้อีก ควรเอาไปรักษาไว้ ประกอบกับจากการประชุม บอกว่าอย่างนี้เรียกว่า เมขลาพันธนา ที่แพร่หลายไปนิยมถึงเมืองจีนโบราณด้วย แม้นางมณีเมขลาที่เป็นผู้ปกป้องนักเดินเรือสู่สุวรรณภูมิ รวมทั้งที่ช่วยพระมหาชนก ก็ทรงเมขลาพันธนาอย่างนี้ จึงได้ชื่อว่า มณีเมขลา ในภาพ เป็นการส่งมอบ สายสร้อย เมขลาพันธนาทำด้วยหินเลือดสีเขียวเข้มแต้มแดง แล้วจะสาธยายมาตามลำดับนะครับ ขอไปนำเสนออีกเรื่องในที่ประชุมเช้านี้นะครับ ว่าด้วย ลูกปัดทำใหม่เลียนแบบลูกปัดโบราณในพม่าและไทย ที่พวกเรากำลังหาหนทางฟื้นคืนกันที่อู่ทองและคลองท่อมนะครับ อ้อ ไป ๆ มา ๆ อาจารย์มาร์กบอกผมว่า อย่าไปเลย วัดนคร ให้ตรงไปนอนที่เมือง Bhuj คืนนี้ แล้วออกไป Dholovira เมือฮารัปปาพรุ่งนี้แล้วกลับมานอนที่ Bhuj ก่อนตีรถกลับมาอาห์เมดาบัด-คานธีนคร วันที่ ๑๖ เพื่อพร้อมเดินทางกลับไปเช้า ๑๗ แวะเดลีครู่หนึ่ง อาจจะแว่บไปที่ตลาดโจรอีกสักรอบครับ ทำให้อาจจะหลงเข้าไปในดงผ้า เพราะ Bhuj คือดงผ้าดีและสวยที่สุดของอินเดีย คืนนีหรือพรุ่งนี้ อาจมีเรื่องผ้าโผล่ในรายงานนะครับ