logo_new.jpg

#ศรีวิทยาธิการสยะ ... #แห่งผู้เรืองปัญญา

#SriWithayadikarasya ... #OfTheEnlightenedOne

(bunchar.com เพื่อแผ่นดินเกิด 20231211_3)

เมื่อวานนี้หลังรับทราบถึงเค้าเรื่องที่คณะของคุณเอศุภชัยจะสร้างสรรค์เพื่อเมืองนคร

แล้วเธอบอกว่าจะไปตามรอยที่ผมชี้แนะ รวมทั้งที่ #ช่องคอย แห่งนี้ด้วย

ความที่ไกลเกินและอาจยากถึงได้ด้วยเธอคนเดียว 

จึงอาสาพาไปจนถึงที่ตามภาพ

บอกไปว่า ณ ตำแหน่งนี้มีความสำคัญมาก ๆ

เฉพาะแท่นหินจารึกขนาดยักษ์นี้ ก็ยืนยันว่า #การจำหลักจารึกเกิดขึ้นที่นี้แน่

เพราะไม่มีทางที่จะแกะแล้วยกย้ายมาจากที่ไหนได้

อักษรที่จารึกเป็นแบบที่ทางไทยนิยมเรียกว่า #ปัลลวะ

แต่บางนักวิชาการต่างชาติ เรียกว่า #พราหมีอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อายุสมัยประมาณ พุทธศตวรรษที่ ๑๑ - ๑๒

นับว่าเป็น #หนึ่งจารึกรุ่นที่เคยกล่าวกันว่าเก่าแก่ที่สุดที่พบแล้วในประเทศไทย

อัน #นับสู่การเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ของผู้คนบนแผ่นดินนี้

(ซึ่งจากการตามรอยลูกปัดและศึกษาของผม

 จนทุกวันนี้เกิดเป็นสถาบันสุวรรณภูมิศึกษา ในกระทรวง อว.

 ประมวลหลักฐานใหม่ออกมาว่า กลุ่มจารึกที่เก่าแก่ที่สุดบนแผ่นดินนี้

 เป็นอักษรพราหมีอย่างอินเดียโบราณร่วมสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช

 เมื่อราว พุทธศตวรรษที่ ๓ คือเก่าไปอีกเกือบ ๑,๐๐๐ ปี)

ถามว่า #ใครคือคนมาจำหลักไว้ ตั้งแต่เมื่อกว่า ๑,๐๐๐ ปีที่แล้ว

ด้วยพิกัด #ตำแหน่งแห่งหินนี้ตั้งอยู่ในหุบแห่งเขา

ที่กั้นระหว่างเส้นทางเชื่อมได้จาก #ฝั่งอันดามันที่ตรัง 

มายัง #อ่าวไทยและทะเลจีนใต้ที่เมืองนคร

จึงอาจเป็นผู้ผ่านทางไปมา หรือว่าคนในถิ่นที่ไปรอรับหรือทำการอะไรกันตรงนี้เมื่อสมัยนั้น

เนื้อหาว่าอย่างไรหรือ ? ท่านผู้รู้อ่านว่า

เป็น #ภาษาสันกฤตของนักบวชหรือคนชั้นสูง

ขึ้นต้นเหมือนเป็นโองการว่า ... ศฺรีวิทฺยาธิการสฺย

ท่านแปลว่านี้ (เป็นของ) #ผู้เป็นเจ้าแห่งวิทยาการ 

พร้อมวงเล็บระบุว่า หมายถึงศิลาจารึกนี้ และ ตือพระศิวะ

ซึ่งผมเองนั้นแม้ไม่รู้ภาษา แต่ก็ไม่เห็นว่ามีวงเล็บอะไรไว้

อยากแปลเอาเองตามประสาหมอจรจัดว่า ... #แห่งผู้เรืองปัญญา

โศลกต่อมามี ๔ บันทัด ๒ บันทัดแรกขึ้นต้นด้วยการ #ตั้งนะโม

ท่านอ่านและแปลไว้โดยนัยยะว่า ขอนอบน้อมแด่ทั้งเจ้าป่าและทวยเทพ

มีสองวรรคท้าย ที่แปลระบุชัดว่า

" ... ชนทั้งหลายผู้เคารพต่อพระศิวะ 

  คิดว่า ของอัน ท่านผู้เจริญนี้ จึงอยู่ในที่นี้ จึงมาเพื่อประโยชน์ (นั้น) ... "

แต่โศลกสุดท้ายที่มี ๔ วรรค สองบันทัด ที่พวกเราจำกันขึ้นใจว่า

" ... #เยษานฺนิลยเทเศษุ_ติษฺฐนฺติมนุชาวราะ

  #ยทิเตษำ_ปฺรสาทาจฺจ_การุยฺยนฺเตษำ_ภวิษยติ II ... "

" ... ถ้าคนดีอยู่ในหมู่บ้านของชนเหล่าใด

  ความสุขและผล (ประโยชน์) จักมีแก่ชนเหล่านั้น ... "

และเอามาเป็นคำขวัญประกอบการของ #สวนสร้างสรรค์นาครบวรรัตน์ เรื่อยมา 

ว่า  #ถ้าคนดีอยู่ในหมู่ของชนเหล่าใด_ความสุขและผลจักมีแก่ชนเหล่านั้น

ข้อความนี้จึงเต็มไปด้วยคุณค่าและความหมายมหาศาล

คนจารึกคือใครถึงวันนี้ยังไม่ทราบได้

แต่ที่ทราบแน่คือคนบนแผ่นดินนี้ไม่ว่าจะอยู่หรือว่าผ่านไปมา

เขาต้องเป็นผู้มีภูมิรู้และภาษาอารยธรรมที่ไม่ธรรมดา

แถมยังให้ค่าต่อสติปัญญา - #วิทยาการ พร้อมแสดง #ความนอบน้อม

กับ #หลักคิดสำคัญของการอยู่ร่วมกัน

ที่ว่าด้วย #ความดี #ความสุข และ #ผลของหมู่ชน

ก็ไม่รู้เช่นกันครับว่าทางคณะจะเลือกใช้อะไรไหม ผมนี้ก็ทำได้เพียงเท่านี้

ชี้แนะแล้วก็รอดู หากได้ถูกใช้ก็ย่อมพลอยยินดี

มีอะไรให้ช่วยได้อีกก็ช่วยครับ

ส่วนที่จารึกนี้นั้น ไปมาหลายครั้งอดสังเวชไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นอยู่อย่างนี้

ไปทุกที คิดทุกที ว่าเรานี้ควรคิดทำอะไรกันไหม ?

วานนี้ที่ไปกัน ก็อดคิดไม่ได้อีกเช่นกันครับ ... สักวันควรได้ทำอะไรบ้างเสียที

๑๑ ธันวา ๖๖ ๑๑๐๐ น.

บ้านบวรรัตน์ ท่าวัง เมืองนคร

 

 

 

 

 

 

Joomla templates by a4joomla
rtp slot https://www.sidiap.org/rtp-live-slot//