เพื่อแผ่นดินเกิด
- Details
- Written by Super User
- Category: เพื่อแผ่นดินเกิด
- Published: 25 October 2024
- Hits: 80
ค่ำคืนนี้ เมื่อ ๖๒ ปีที่แล้ว ... #มหาวาตภัยที่แหลมตะลุมพุกและเมืองนคร
62YearsAgo ... ThisNight ... #StormAtNakorn
(20241025_2 เพื่อแผ่นดินเกิด)
คืนนั้น ผมอายุ ๕ ขวบ
วุ่นวายอยู่ในบ้านที่ท่าวัง กับคุณตา คุณป้า น้าพา
เพื่อซับน้ำที่ถูกลมฝนซัดซึมเข้ามาตามขอบบานหน้าต่างทุกบาน
จนพายุสงบ จึงได้พักนอน จนตื่นขึ้นมาจึงได้ไปหาพ่อแม่กับพี่ ๆ และน้องติ่ง
แล้วออกนั่งรถไปกับคุณตาเพื่อดูสภาพพื้นที่จากท่าวังไปท่าแพและหัวถนน
ซึ่งเต็มไปด้วยความเสียหาย ต้นไม้ล้ม หลังคาบ้านเปิดทั่วทั้งเมือง
ก่อนที่จะทราบข่าวว่าเกิดความเสียหายรุนแรงกว่าที่ปากพนังและแหลมตะลุมพุก
จากนั้นที่บ้านก็ยุ่งกับการออกไปช่วยที่ปากพนัง
ในนามของเหล่ากาชาดจังหวัด และ สมาคมสตรีฯ
โดยมีพระบารมีพระเจ้าอยู่หัวเป็นหลักนำ จนเกิดเป็นมูลนิธิราชประชานุเคราะห์แต่นั้นมา
เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาที่ผ่านมา กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเสด็จมา
ขออัญเชิญบางภาพจากเพจ เรารักกรมสมเด็จพระเทพรัตนฯ Our Beloved HRH Princess Maha Chakri Sirindhorn
มาร่วมระลึกและเป็นกำลังใจกันและกันต่อไป
พร้อมร่วมถวายพระพรชัย ... ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ส่วนรายละเอียดต่อจากนี้ จาก วิกิพีเดียครับ
พายุนี้เริ่มก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเป็นพายุดีเปรสชั่น 78W ตามลำดับการตั้งชื่อนานาชาติ หรือ 6225 ตามลำดับการตั้งชื่อของ JMA (อุตุนิยมวิทยาประเทศญี่ปุ่น) ในทะเลจีนใต้ตอนล่างนอกชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนใต้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2505
แล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเข้ามาในอ่าวไทย และทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนนอกชายฝั่งจังหวัดสงขลา จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางตรงมายังจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศไทยในตอนค่ำของวันที่ 25 ตุลาคม ที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ด้วยความเร็วลมสูงสุดวัดที่สถานีตรวจอากาศนครศรีธรรมราชได้ 95 กม.ต่อชม.
หลังจากนั้นพายุก็อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น เคลื่อนผ่านจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต และพังงา ลงสู่ทะเลอันดามันในวันที่ 26 ตุลาคม ก่อนจะสลายตัวไปในอ่าวเบงกอลใกล้กับบังกลาเทศในวันที่ 30 ตุลาคม
พายุโซนร้อนแฮเรียตได้ก่อความเสียหายอย่างรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย โดยในขณะขึ้นฝั่งพายุมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 300 กิโลเมตร ก่อให้เกิดฝนตกหนัก คลื่นพายุหมุนยกซัดฝั่ง ลมกระโชกแรง และน้ำท่วมอย่างฉับพลัน
จากคำบอกเล่าของชาวบ้านเล่าว่าก่อนพายุเคลื่อนขึ้นฝั่งได้เกิดลมงวงช้างขึ้นหลายสายตั้งแต่ตอน 16.00 น. แรงลมพัดบ้านเรือนจนโยกคลอน และหลังคาหลุดปลิวลอยไปทั่วทั้งเมือง เกิดคลื่นยักษ์พัดเข้าใส่แหลมตะลุมพุกจนหมู่บ้านที่มีอยู่หลายร้อยหลังคาเรือน เหลืออยู่เพียง 5 หลังเท่านั้น จากนั้นฝนก็ตกหนักต่อไปจนถึง 19.00 น. เกิดลมพัดแรงอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วสงบลง แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ก็เกิดลมพัดแรงอีกระลอก พัดบ้านเรือนพังทลายลงจนหมด และมีคลื่นสูงใหญ่กว่าระลอกแรก โดยคลื่นยักษ์สูงเท่ากับยอดต้นมะพร้าวกวาดบ้านเรือนลงทะเลหายไป และแม่น้ำปากพนังเอ่อล้นเข้าท่วมตัวเมืองภายในเวลาไม่กี่นาที
พายุโซนร้อนแฮเรียตส่งผลกระทบต่อ 12 จังหวัดในภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปถึงจังหวัดนราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 911 คน สูญหายอีก 142 คน บาดเจ็บสาหัส 252 คน ไร้ที่อยู่อาศัย 16,170 คน อาคารบ้านเรือนทั่วทั้งจังหวัดพังทั้งหลัง 22,296 หลัง ชำรุด 50,775 หลัง โรงเรียนพังเสียหาย 435 แห่ง สวนยางสวนผลไม้เสียหายประมาณ 791 ล้านต้น สถานที่ราชการ โรงเรียน วัด การไฟฟ้าและสถานีวิทยุตำรวจเสียหายหนัก ต้นไม้โค่นล้มขวางทางยาวนับสิบกิโลเมตร รถไฟด่วนสายใต้ต้องหยุดเดินรถเพราะภูเขาดินพังทลายทับรางระหว่างสถานีรถไฟช่องเขากับสถานีรถไฟร่อนพิบูลย์ ประเมินความเสียหายกว่า 377-1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังประเมินกันว่าพายุโซนร้อนแฮเรียตได้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์คลื่นพายุซัดฝั่ง หรือสตอรมเซิร์จขึ้นเป็นบริเวณกว้างโดยเกิดคลื่นสูงใหญ่กว่า 4 เมตร พัดกระหน่ำอีกหลายหมู่บ้านริมฝั่งทะเล
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชานุเคราะห์ผู้ประสบวาตภัยในครั้งนี้หลายๆ ประการ โดยโปรดเกล้าฯ ให้อธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ จดทะเบียนตั้งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2506 และพระราชทานเงินจำนวน 3 ล้าน บาท และให้วิทยุ อ.ส.พระราชวังดุสิตกระจายข่าวให้ประชาชนร่วมบริจาคกับพระองค์ ส่วน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น กล่าวถึงคนไทยทั้งชาติว่ารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง มีนานาประเทศทั้งอังกฤษ, อิตาลี, เวียดนาม, สวีเดน และสหรัฐอเมริกา ยื่นมือให้ความช่วยเหลือและบริจาคให้กับผู้ประสบภัย
๒๕ ตุลา ๖๗ ๑๙๑๕ น.
บ้านบวรรัตน์ ท่าวัง เมืองนคร
https://www.facebook.com/photo?fbid=1656894715205644&set=pcb.1656904568537992