บัญชาชีวิต

ณ ปีที่ ๒๕ แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยฯ
ที่แม่และน้าพาได้ร่วมด้วยช่วยกันกับชาวนครทั้งหลาย
ก่อการจนออกมาเป็นมหาวิทยาลัยในทุกวันนี้
แล้วพวกอาจารย์กับบุคคลากรในนั้น
ก็แอบดำเนินการจนสภามหาวิทยาลัยอนุมัติปริญญานี้
โดยที่เต้ยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย

เขาสรุปคำกราบบังคมทูลเบิกตัวอย่างนี้
ที่เต้ยว่า อาจจะเกินตัวครับ

คำกราบทูลเบิกตัวผู้เข้ารับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
ของ
ศาสตราจารย์สมบัติ ธำรงธัญวงศ์
รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
ประจำปีการศึกษา ๒๕59

ขอพระราชทานกราบทูลทราบฝ่าพระบาท
ข้าพระพุทธเจ้า ศาสตราจารย์สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ 
รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

ขอพระราชทานพระอนุญาตกราบทูลประกาศเกียรติคุณและเบิกตัวผู้เข้ารับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จำนวน 4 คน ดังนี้

นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช :

เป็นผู้ที่มีอุตสาหะและวิริยะอันแรงกล้า มีความรอบรู้หลายด้าน ศึกษาค้นคว้าอย่างรู้แจ้งและรู้จริง โดยเฉพาะด้านศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น การศึกษา ศาสนา เป็นสารานุกรมเคลื่อนที่ รังสรรค์สิ่งที่สวยงามอันประเทืองปัญญาไว้ให้เป็นสมบัติของชาติและนานาชาติ ทั้งสามารถสื่อสารเรื่องที่รู้ สิ่งที่ทำ ให้คนทั่วไปรับรู้และเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง นำไปสู่การมีส่วนร่วมและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จากความคิดอิสระและสร้างสรรค์ของนายแพทย์บัญชาหลายเรื่อง ก่อเกิดโครงการที่สร้างแรงกระแทกจนเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ที่เป็นประโยชน์ทั้งระดับบุคคล ระดับชุมชน และสังคม เป็นแบบอย่างที่ดี มีแนวคิดและพลังแห่งความเป็นจิตอาสาอันสูงยิ่ง และพร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีงามสู่สังคมตลอดเวลา เป็นบุคคลที่นับได้ว่าเป็นคลังปัญญาของสังคมไทย สมควรได้รับปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาไทยศึกษาบูรณาการ (นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช)

เมื่อวานนี้ บอกคณะอจารย์-เจ้าหน้าที่ที่มารับว่า
อย่างนี้แล้ว จะใช้อะไรผมก็บอกได้นะครับ

สำหรับผมเอง สนใจสนองงานมากใน ๓ ด้าน
๑) เมืองนครศรีธรรมราชอันเป็นบ้านเกิดและพื้นที่บริการหลักของมหาวิทยาลัย
๒) การพระพุทธศาสนา
๓) การพัฒนา นศ.ด้านชีวิตจิตใจ

ตะกี้ถามท่าน อ.สมบัติ ว่ามีอะไรให้ผมรับใช้ไหม ?
ท่านบอกว่ากำลังสนใจเข้าไปร่วมพัฒนาวัดแสงแรงที่ปากทางเข้ามหาวิทยาลัย และอยู่ติดกับ รพ.มหาวิทยาลัย

ออกมา ไก่กะปรีดากระซิบว่า
ทำอย่างสวนโมกข์กรุงเทพซิ ... โอ้ ! พระพุทธเจ้าข้า !!!

๔ ตค.๖๐