เพื่อแผ่นดินเกิด
- Details
- Written by Super User
- Category: เพื่อแผ่นดินเกิด
- Published: 13 January 2023
- Hits: 449
SouthernThaiThings ... PhryaTrang,
Yiamyong'sStolenWork ... FromKhumAtesKadeeLibrary
(bunchar.com เพื่อแผ่นดินเกิด 20230111_1)
เมื่อวานนี้แวะไปที่ The Library At Nakorn เจอเล่มนี้ในลัง
ที่ท่าน อ. #อัชฌา_มัลลิกมาศ ธิดาสุดท้องของ #ขุนอาเทศคดี
บอกให้เอามาค้นคว้ารักษา
๑) #ของดีปักใต้ เป็นวารสารของ #วัดมิชฌิมาวาส ที่ออกมาเพื่อทำนุบำรุงพิพิธภัณฑ์ ฯ มีคณาจารย์และที่ปรึกษาคนสำคัญทำกันเมื่อปี ๒๕๑๑ อาทิ พระราชศีลสังวร คุณเยี่ยมยง อ.มานิตย์ อ.ไสว อ.โกสินทร์ อ.ภิญโญ อ.สวัสดิ์ อ.สุธิวงศ์ ฯลฯ
๒) เล่มนี้เน้นเรื่อง #พระยาตรังคภูมาภิบาล ซึ่งเป็นงานการค้นคว้าและเรียบเรียงของคุณเยี่ยมยง มีคำอุทิศถึงขุนอาเทศคดีที่ให้ข้อมูลสำคัญประกอบ พร้อมกับลายมือมอบขุนอาเทศฯ กับยังมีลายมือลงนามและหมายเหตุของขุนอาเทศคดีอีกหลายที่
๓) ในความนำมีเรื่องน่าสนใจว่าคุณเยี่ยมยงได้เคยมอบต้นฉบับแก่สมาคมชาวปักษ์ใต้ โดย อ.ไสว สุทธิพิทักษ์ ไปจัดพิมพ์ในวารสารของสมาคม ปี ๒๕๐๙ " ... แต่แล้ว #มังกรกระดาษตัวหนึ่ง ซึ่งมีความพัวพันอยู่ในคณะผู้จัดทำนั้น ได้ยักยอกฉ้อโกงต้นฉบับไปเสียฉิบ นับว่าเป็นเรื่องที่ให้อภัยกันไม่ได้ ... "
๔) เท่าที่อ่านแต่ผ่าน ๆ ในบางบทที่คุณเยี่ยมยงยกมาประกอบการวิเคราะห์เรียบเรียง #ประวัติชีวิตของพระยาตรังค์ (ศรีจันทร์) ท่านนี้ โดยท่านเริ่มด้วยการยกสองเจ้าเมืองตรังที่สร้างกรรมสำคัญอันเหี้ยมโหดต่อ #ชายชู้ของภริยาคนหนึ่ง โดยคนหนึ่งพระยาตรังค์นี้ กับอีกคนนั้น ล้วนไปจากเมืองนคร ก่อนที่จะจบลงด้วยการถึงแก่กาลของพระยาตรังค์ เมื่อ " ... ชู้รักของนางฉิมลักลอบยิงท่านถึงแก่กรรม ... จุดจบของท่านมาสิ้นสุดลงด้วยประการฉะนี้ ... "
๕) เบาะแสสำคัญที่คุณเยี่ยมยงใช้ มาจาก #จดหมายของขุนอาเทศคดี จากบ้านที่ถนนท่าชี ๑๐๓ ในเมืองนคร วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๐๓ ระบุว่า " ... เรื่องราวพระยาตรังค์นั้น มีประวัติทราบเพียงว่าท่านชื่อ #ศรีจันทร์ บิดาเป็นชาวพัทลุง มารดาเป็นคนนคร พระยาตรังค์จึงเป็นญาติกับเจ้าพระยานครฝ่ายมารดา พระยาตรังค์มีนิสสัยเจ้าชู้ มีภริยาหลายคน เป็นคนชอบต่อนก กินหมากจัด เฉพาะภริยาที่เป็นแม่เจ้าเรือน มีอยู่ ๒ คน คือ #คนหนึ่งอยู่บ้านท่าวัง ซึ่งเวลานี้เป็นที่ตั้งปลายรางรถไฟ อยู่ทางใต้ #วัดท่ามอน เวลานี้เปลี่ยนชืื่อเป็นวัดศรีทวี ( วัดศรีทวี จังหวัดนครศรีธรรมราช ) ภริยาอีกคนหนึ่งอยู่บ้านหลัง #สถานพระสยมภูวนาถ เดี๋ยวนี้เป็นบ้านนายจำรัส ภิญโญ ผู้ช่วยสรรพากรจังหวัด อยู่ตัดกับถนน #หลังวัดสวนป่าน ใกล้ ๆ บ้านของพี่ ... "
๖) มีเรื่องเกี่ยวกับ #วัดท่ามอน และ #ท่ามอนตอนหนึ่ง น่าสนใจโดยเฉพาะต่อคณะที่กำลังทำหลาดท่ามอญ โดยเฉพาะ Surawee Leelawat ว่า " เล่ากันว่าที่ฝังรกรากของท่านครือบ้านที่ท่านขุนอาเทศคดีว่าตั้งอยู่ #ปลายรางรถไฟสถานีนครศรีธรรมราช เดี๋ยวนี้ เพราะเป็นบ้านเดิมของคุณพ่อท่าน เมื่อแต่งงานกับคุณแม่ท่านแล้วก็พากันออกเรินมาอยู่กินกันที่นี่ ส่วนที่เรียนหาคนรู้ไม่ได้ แต่เห็นว่าคงได้เรียนที่วัดท่ามอน ( วัดศรีทวี จังหวัดนครศรีธรรมราช ) เพราะอยู่ใกล้บ้านเรื่องหนึ่ง และวัดท่ามอนก็ไม่ใช่วัดเล็ก ๆ ในสมัยนั้น #เป็นวัดใหญ่มีคลองน้ำรอบวัด_จึงได้ชื่อว่าวัดท่ามอน เพราะคำว่ามอนนั้นแปลว่า #กลม ก็ได้ เป็นแหล่งย่านกลางที่ชุมนุมในการชักพระทางน้ำ ... "
๗) การงานของท่านนั้นทำมาหลายอย่างทั้งในนคร ในกรุง และที่เมืองตรังเมื่อคราวไปเป็นเจ้าเมือง มีงานคำประพันธ์ต่าง ๆ มากมายหลายเรื่องและสำนวน ที่หยิบยกและผมสะดุดตากะใจมากก็เรื่องกลกามและความรัก โดยเฉพาะคือ #รักแรกกับเจ้าหญิงเกษณี ธิดาของ #พระเจ้านราสุริยวงศ์แห่งเมืองนครในสมัยพระเจ้าตาก " ... เมื่อวันที่ไปเที่ยว #เขาวิบูลยสิงขร ได้แก่บนย่านเทือกเขาหลวงหรือบน #เขาคุมพนม มาด้วยกัน ... " (นี้คือที่ทุกวันนี้เรียกกันว่า #เขาขุนพนม และผูกเรื่องกันว่าเป็นที่ปลีกวิเวกหลังพ้นรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาอยู่เมืองนครโดยมิได้มีหลักฐานอะไรรองรับ) อันนำมาซึ่งการถูกถอดและจับจำ จนเจ้านราสุริยวงศ์ถึงพิราลัย (๒๓๑๙) แล้วสายเจ้านครได้คืนเมือง ท่านจึงได้รับการปลดปล่อย ครั้นเข้ารัชกาลที่ ๑ เมื่อเจ้าหญิงเกษณีกลับไปอยู่พระนคร ท่านได้ตามฝ่ายเจ้านครเข้าไปทำราชการในกรุงจนสามารถขอเจ้าหญิงเกษณีมาเป็นแม่เจ้าเรือนคนหนึ่งด้วยสายสัมพันธ์อันซับซ้อนของสายสกุลเจ้านครกับราชวงศ์จักรีและตากสิน โดยเมื่อได้กลับมาเป็นพระยาตรังฯ โดยท่านไม่ค่อยอยู่เมืองตรัง เพราะมีบ้านสองเมียอยู่เมืองนครนั้น คุณเยี่ยมยงสรุปว่า #เจ้าหญิงเกษณีนี้คือแม่เจ้าเรือนที่ทางใต้วัดท่ามอน ( ซึ่งน่าจะหมายถึงบริเวณกลุ่มบ้านเรือนตรงหัวสะพานยาวที่เป็นย่านคัดและขายมังคุดคัด ไปจนถึงบริเวณร้านหมูสะเต๊ะโกหนู เยื้องกับ วัดศรีทวี จังหวัดนครศรีธรรมราช ทุกวันนี้ - บัญชา )
๘) มีบทวิเคราะห์หนึ่งที่น่าสนใจของคุณเยี่ยมยง ว่าพระยาตรังคฯ ผู้นี้ นิยมเขียนบทอัศจรรย์ในห้องหอออกมาลือเรื่อง เป็นที่เคืองขุ่นของบางพระญาติวงศาทั้งฝ่ายในวังและสายเจ้าตาก โดยเฉพาะ #เจ้าพระยานครน้อย ที่เรืองอำนาจมาก แต่เหตุหลักของการหายไปจากแวดวงกวีสมัยรัชกาลที่ ๓ ถึงขนาดที่เมื่อทรงประชุมนักกวีสร้างงานสำคัญที่วัดโพธิ์ จึงมิปรากฏมีงานของพระยาตรังผู้นี้ เช่นเกียวกับที่ไม่มีของสุนทรภู่ด้วยนั้น ท่านว่าเพราะออกมาอยู่ที่เมืองตรัง (แต่ไม่ค่อยอยู่ตรัง เพราะมาอยู่กับสองเมียที่เมืองนคร)
๙) ส่วนการจบของประวัติพระยาตรังค ฯ คุณเยี่ยมยงจบลงด้วยเรื่องที่ท่านไปมีอีกเมียไว้ที่เมืองตรัง แล้วไม่ค่อยไปตรัง เมียจึงมีชู้ แล้วท่านให้เฆี่ยนชายชู้จนถึงตายคาหวาย ชำระความกันที่กรุงเทพ " ... ซึ่งในครั้งนั้น สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพทรงเป็นหลักใหญ่ที่พึ่งอยู่ ปรากฏว่าคณะลูกขุนทำการปฤกษาลงความเห็นกันว่าท่านเฆี่ยนชายชู้ตายไม่มีความผิด เพราะเป็นการป้องกันเกียรติยศและชื่อเสียง เลยให้ท่านรับราชการอยู่เสียที่กรุงเทพฯ ... แล้ว ... ให้พระอุไทยธานี (ม่วง) ลูกชายคนหนึ่งของเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ไปเป็นเจ้าเมืองตรังค์แทนและแล้วท่านผู้นี้ซึ่งเป็นลูกเขยของพระยาตรังคภูมาภิบาล (ศรีจันทร์) เมียน้อยคนหนึ่งมีชู้อีกแล้วพากันหนีไป อยู่ในราว ๒ ปี จึงเอาตัวมาได้ ชายชู้ให้ปิ้งไฟเสียทั้งเป็น หญิงกับลูกและที่อยู่ในท้องอีกคนหนึ่ง ฝังเสียทั้งเป็นเอาช้างเหยียบ ... " งานหลังนี้ " ... ผู้เถ้ามีแก่ของเมืองษ์รังในครั้งนั้นเล่ากันว่าเกิดแผ่นดินไหวในเมืองษ์รังด้วย นับว่าเป็นเรื่องหฤโหดกระหายเลือดของคนที่สรวมใจสัตว์เดรัจฉานของเจ้าบ้านผ่านเมืองเรื่องหนึ่งของเมืองษ์รังในรัชกาลที่ ๓ ยากจักหาเรื่องหนึ่งเรื่องใดมาเปรียบเทียบให้เห็นความเป็นคนแต่หัวใจสัตว์ในครั้งนั้นได้ ... " โดยกรณีพระอุไทยธานีนี้ " ... ถูกพ้นจากตำแหน่งและถูกถอดออกจากบรรดาศักดิ์ด้วย ... "
๑๐) เมื่อท่านกลับมาอยู่เมืองนครศรีธรรมราชแล้ว ได้เมียสาวอีกคนหนึ่งที่ #บ้านนาทราย ชื่อ ฉิม ท่านไปอยู่กับนางฉิมที่บ้านเมีย นางฉิมมีชู้อีก แล้วกรรมก็มาสนองท่านเป็นกำกงกำเกวียน ชู้รักของนางฉิมลักลอบยิงท่านถึงแก่กรรม ทางการบ้านเมืองจึงจับเอาตัวนางฉิมมากักขังไว้เป็นเวลานาน ส่วนชายชู้เอาตัวไม่ได้ จุดจบของท่านมาสิ้นสุดลงด้วยประการฉะนี้แล.
สวัสดี
ท่านที่สนใจอ่านฉบับเต็ม
ประสานอ่านได้ที่ The Library At Nakorn ครับผม
ฝากนี้ถืงครู เจตส์ ตรังเค ด้วยครับผมเผื่อมีอะไรเติมเต็ม
ฝาก Oraya Sutabutr และ Santi Opaspakornkij รายงานท่าน อ.อัชฌาด้วยครับผม
๑๑ มกรา ๖๖ ๐๘๔๐ น.
บ้านบวรรัตน์ ท่าวัง เมืองนคร