เพื่อแผ่นดินเกิด

จากการสอบถามกัลยาณมิตรที่สถานีตรวจอากาศนครศรีธรรมราช และเท่าที่ตัวเองติดตามศึกษามาบ้าง ขออนุญาตสื่อสารอย่างนี้ว่า

๑) กลุ่มเมฆฝนความกดอากาศต่ำที่เคยคลุมอยู่ที่ภาคใต้ตอนล่างถึงมาเลเซียนั้น ขณะนี้กำลังเคลื่อนขึ้นมาช้า ๆ ทางเหนือเฉียงตะวันตก เนื่องจากความกดอากาศสูงทางตอนเหนือของประเทศไทยไปถึงจีนอ่อนกำลังลง ฝนฟ้าที่ทางใต้ล่างที่เริ่มบางเบาลง จึงย้ายมาเทที่เมืองนครและสุราษฎร์ในขณะนี้อีกสักสองสามวัน ก่อนที่จะลามขึ้นไปถึงชุมพร แล้วคาดว่าจะออกทะเลตะวันตกไปหากความกดอากาศไม่เปลี่ยนแปลงไปอีก

๒) ปริมาณฝนที่ตกมาตั้งแต่ขึ้นปีใหม่นี้ วันละ ๕๐ - ๙๐ มม. มาสูงมากเมื่อ ๒ วันนี้ที่ประมาณ ๑๐๐ - ๑๕๐ มม. ด้วยปริมาณสะสมประมาณ ๓ - ๔๐๐ มม. โดยมากสุดอยู่ที่ทางตอนใต้-ตะวันตกแถวชะอวด-ร่อนพิบูลย์-ทุ่งสงที่น้ำกำลังแรงและล้น วันนี้น่าจะมากขึ้นในแถบตะวันออกตั้งแต่ลานสะกา-พรหมคีรี-ท่าศาลา-นบพิตำ รวมทั้งทางตะวันตกที่ช้างกลาง-พิปูน-ฉวาง ฯลฯ จึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง

๓) น้ำฝนทั้งหมดนี้ จะกลายเป็นน้ำท่าที่จะเทลงมาตามสายน้ำตามแอ่งพื้นที่รับน้ำ-catchment area ของแต่หุบเขาและสายห้วย-คลอง ไหลหลากลงมาผ่านเรือกสวนสะพานบ้านช่องรวมทั้งถนนรนแคมแล้วก็เขื่อนที่กีดขวาง พังบ้างไม่พังบ้าง รวมทั้งท้นท่วมขังไว้ตามกำลังของแต่ละฝ่าย วันสองวันนี้น่าเห็นผล

๔) สุดท้ายก็จะมาท้นล้นอยู่ในทุ่งที่ราบตามลำคลองใหญ่ทั้งหลายที่ต้องค่อย ๆ ลอดช่องสันดอนหาดทรายแก้วแห่งเมืองนครที่มีถึงสามชั้นและยาวขนานฝั่งทะเลอ่าวไทยตั้งแต่ขนอม-สิชล-ท่าศาลา-ปากนคร-ปากพนัง-หัวไทร ไปถึงระโนด-สะทิ้งพระ-สิงหนคร ที่ปากทะเลสาบสงขลาโน่น โดยชุมชนบ้านเมืองที่ชอบเกาะอยู่ริมน้ำตามสันดอนนี้ จะเริ่มทยอยรับผลกันเรื่อย ๆ รวมทั้งที่บ้านเมือง "นครศรีธรรมราช" ที่พระเจ้าอยู่หัวบอกไว่ไม่น่าเชื่อว่าชื่ออย่างนี้ จะเผชิญสภาพอย่างนี้อย่างซ้ำซากไม่สมชื่อ

เพราะระบบและมนุษย์เมืองนครเรา ๆ 
นี้เองไหมหนอ ?

๕ มค.๖๐