logo_new.jpg

คือพระแสงราวเทียนมหาสุรสิงหนาท
TheSurasinghanard'sSwardCandleRail
(bunchar.com เพื่อแผ่นดินเกิด 20231229_6)

เมื่อหลายวันก่อน มีหลายท่านส่งผ่านข่าวนี้
ของ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร ว่า ...

พิธีถวายคืน “ #พระแสงราวเทียน“ แด่ #วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
.....................................................
"พระแสงราวเทียน" ของ #สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ที่สูญหาย ได้กลับมาพร้อมงานสมโภชครบรอบ 338 ปี
วันที่ 25 ธันวาคม 2566 เวลา 9.30 น.

อ. ปริญญา สัญญะเดช นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญศาสตราวุธ ซึ่งเคยบวชที่วัดมหาธาตุฯ ประมาณปี 2544 ได้รับทราบข้อมูลและรูปพรรณของพระแสงราวเทียน จากอัลบั้มเก่า และการบอกเล่าของ #พระพรหมวชิราธิบดี อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุฯ จึงพยายามสืบเสาะ ค้นหาพระแสงสำคัญองค์นี้มาโดยตลอด จวบจนกระทั่งไม่นานมานี้ มีผู้รู้แจ้งเบาะแสให้ตามไปพบ พิจารณาจนมั่นใจในลักษณะ รูปทรงดาบ เนื้อโลหะ และการประดับตกแต่งติดตั้งราวเทียน จึงนำกลับคืนมาเก็บรักษาไว้ และติดต่อพระผู้ใหญ่แห่งวัดมหาธาตุฯ

โดยทาง วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
ได้จัดพิธีสวดเจริญชัยยะมงคลคาถา และเตรียมจัดแสดงพระแสงราวเทียน ที่สมเด็จกรมพระบวรมหาสุรสิงหนาท #กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ถวายเป็นพุทธบูชาก่อนสิ้นพระชนม์

#พระแสงราวเทียน คือพระแสงดาบคู่พระทัยที่สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงใช้ในการศึกตลอดพระชนม์ชีพ เพื่อกู้บ้านเมืองจากข้าศึก ด้วยความผูกพันศรัทธายาวนาน ที่ทรงมีต่อวัดมหาธาตุฯ ที่เคยเป็นจุดหลบภัย ทรงสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
และทรงบรรพชาที่วัดนี้ ทำให้ในคราวประชวรหนักช่วงปลายพระชนม์ชีพ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ได้เสด็จพระราชดำเนินจากวังหน้า
มากราบลาสักการะพระประธานในพระอุโบสถใหญ่
น้อมถวายพระแสงทำเป็นราวเทียนเพื่อเป็นพุทธบูชา หลังจากนั้นไม่นานก็เสด็จสวรรคต

อ.ปริญญา สัญญะเดช ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตราวุธ ได้ศึกษาเรื่องพระแสงราวเทียนมานานกว่าสามสิบปีอธิบายลักษณะของพระแสงราวเทียนว่า
เดิมเป็น #ดาบญี่ปุ่นที่ผลิตในสมัยเอโดะ ซึ่งนิยมใช้ในการสู้รบ เนื่องจากมีความคมแกร่ง และผลิตโดยช่างฝีมือแห่งยุคสมัย เรียกว่า #ดาบมังกร เมื่อจะทำให้เป็นราวเทียนบูชา ก็ได้ลบปลาย ลบคม และถอดด้ามออก ตกแต่งเป็นเศียรและหางนาคตามพระราชนิยม ซึ่งเป็นมงคลเทียบเคียงกัน

ข้อสังเกตสำคัญคือการที่ทรงตัดสินพระทัยจะถวายเป็นพุทธบูชา
ย่อมหมายถึงทรงมีพระราชประสงค์จะตัดขาดจากการสู้รบฆ่าฟันที่ต้องทรงกระทำมาตลอดพระชนม์ชีพ ดาบจึงถูกทำให้หมดคมสิ้นสภาพความเป็นอาวุธ เปลี่ยนเป็นราวเทียนให้แสงแห่งปัญญาถวายเป็นพุทธบูชา
..................................
ขอเชิญชมพระแสงราวเทียนอย่างใกล้ชิด
และชมสิ่งของสำคัญในประวัติศาสตร์
อาทิ เครื่องโต๊ะเครื่องตั้ง, คัมภีร์และผ้าห่อพระคัมภีร์ ฯลฯ
ตลอดช่วงงานสมโภชวัดมหาธาตุ 338 ปี
ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2567
พร้อมทั้งสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นมงคล ชมตลาดวัฒนธรรม อาหารไทย
แพทย์และนวดแผนไทย ฟังดนตรี เจริญสมาธิและสวดมนต์ข้ามปี
ทั้งนี้เมื่อจบงาน วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
จะเชิญพระแสงราวเทียนนี้เก็บรักษามิดชิดเป็นการถาวรต่อไป
..................................................

ต่อมา อ. Num Champapan บอกข่าวว่า
" ... รับรู้กันดีว่าดาบซามูไรเล่มนี้คือดาบที่กรมพระราชวังบวรฯ (บุญมา) ถวายเป็นพุทธบูชา แต่การถวายพุทธบูชาครั้งนั้นวัตถุประสงค์แท้จริงก็ดังที่รู้กันอีกว่า เมื่อถวายดาบเสร็จจะทรงปลงพระชนม์โดยการเชือดพระศอต่อหน้าพระประธาน ซึ่งมีดาบเล่มนี้ตั้งอยู่ตรงหน้า แต่ระหว่างที่เอื้อมพระหัตถ์ไปจับเอาดาบอีกเล่มมานั้น #พระองค์เจ้าอินทปัตถ์ พระโอรสองค์โต ได้แย่งเอาดาบไปจากพระหัตถ์ได้ทันเสียก่อน ดาบซามูไรนี้มีที่มาอดีตสมัยธนบุรี เป็นดาบที่ #สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เจ้านายเก่า ทรงพระราชทานให้แก่กรมพระราชวังบวรฯ (บุญมา) ตั้งแต่เมื่อครั้งได้รับแต่งตั้งเป็น #เจ้าพระยาสุรสีห์ เจ้าเมืองพิษณุโลก แน่นอนว่าโดยวัสดุดาบซามูไรเป็นโลหะชั้นเลิศที่สุดในบรรดาเครื่องศาสตราวุธประเภทดาบ แต่คำถามที่ชวนคิดคือ เพราะอะไร ทำไม มีสิ่งใดติดค้างในพระทัย กรมพระราชวังบวรฯ (บุญมา) ในบั้นปลายเมื่อประชวรหนักรักษาไม่หาย รู้ว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพแล้วนั้น จึงทรงคิดจะเชือดพระศอตนเองต่อหน้าสิ่งอันเป็นตัวแทนของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ฯ ??? ... "

วันนี้ หมอนี่จึงไม่พลาดผ่านไปร่วมเรียนรู้นี้
เพราะพอดีไปหารืองานกับท่านพระมหา Sutep Thanikkul
ที่ วัดสังเวชวิศยาราม ตรงบางลำพูพอดีครับผม

แต่ว่าพลาดพบกับพี่ ปกรณ์ กล่อมเกลี้ยง ที่ไปถึงตอนที่หมอนี่กลับแล้วครับ

๒๙ ธันวา ๖๖ ๑๙๑๕ น.
บ้านท่าวัง สะพานควาย กทม.

 

 

 

 

 

 

Joomla templates by a4joomla
rtp slot https://www.sidiap.org/rtp-live-slot//