เพื่อแผ่นดินเกิด

ตั้งแต่เมื่อไหร่จำไม่ได้ 
ทราบว่ามีขาใหญ่จะลงมาช่วยงานเดือนสิบเมืองนครปีนี้ให้ยิ่งใหญ่ในนามของประชารัฐสามัคคี

โดยมีสิ่งแรกที่แปลกใหม่ 
คือโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งาน
ที่เปลี่ยนจากภาพถ่ายมาเป็นลายเส้น
สะดุดนิดนึงตรงที่ทำบัลลังก์องค์พระผิดจริง แถมยังเอาตราผู้อุปถัมภ์ประดิษฐานไว้เหนือยอดพระบรมธาตุ
แต่ไหวทัน ปรับแก้ใหม่ได้ทันควัน

จนกระทั่งวันนี้ อีกไม่กี่วันจะเริ่มงานกันแล้ว
ผมได้เห็นรายงานการแถลงข่าวของจังหวัดใน นสพ.รักบ้านเกิด
บอกว่าปีนี้ จัดกัน ๓ ที่ คือ ทุ่งท่าลาด – สนามหน้าเมือง – และ หน้าศาลากลาง
ส่วนที่วัดหน้าพระบรมธาตุซึ่งจัดกันมานานมากนั้น คงเป็นงานของทางวัด ที่จังหวัดไม่นับ

ที่แปลกใหม่ 
ดูเหมือนจะเป็นการบอกว่าปีนี้มีการประดับตกแต่งไฟให้สว่างทั้งงานและทั้งเมือง
โดยผมเห็นซุ้มไฟแปลก ๆ แปร่ง ๆ 
และไม่รู้สึกว่าจะเด่นโดดงดงามสมค่าราคาคุยอะไร
...แถมเสียดายสตังค์ไม่น้อย
คงมีใครหัวใสนำเสนอ และก็มีคนมือไว ได้งานนี้ไปสบายใจ

อีกแปลก คือการประกาศว่า ขบวนแห่หมรับปีนี้จะเริ่มตอนเย็น
โดยมีรัฐมนตรีฯ ท่องเที่ยวมาเป็นประธานเปิด ในวันที่ ๑๙
ท่านแถลงว่า ผู้คนจะได้ดูชมขบวนกันสบาย ๆ ไม่ร้อนแรง
แต่ผมว่าแปร่งไปใหญ่ จนน่าจะเลิกเรียกว่าหมรับกันได้แล้วเลย
ด้วยเดิมนั้นการแห่หมรับ จะทำกันตอนเช้าเพื่อได้ถวายพระ ทั้งหมรับใหญ่ หมรับเล็ก
ตานี้ ปีนี้ ปีที่ ๙๔ แห่กันตอนเย็นเป็นของเล่นสนุกเสีย
ประเพณีดั้งเดิมอื่น ๆ คงต้องขยับปรับใหม่
เพื่อประโยชน์การท่องเที่ยว ที่เอาความสะดวกสบายเป็นใหญ่กันแล้วกระมัง
ไม่ทราบว่าท่านวัฒนธรรมจังหวัด พุทธศาสนาจังหวัด 
และผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรมแห่งเมืองนี้คิดอ่านแนะนำกันประการใด

อีกนิดที่เห็นแล้ว 
คนอย่างผมอดแปลกและสะดุดใจมาก
คือภาพประชาสัมพันธ์งาน 
ที่วางไว้ให้คนถ่ายภาพที่ระลึกตรงหน้างานที่ทุ่งท่าลาดนั้น
ทำไมถึงเอาเปรตมาเพ่นพ่านเหนือองค์พระบรมธาตุที่เคารพและบูชา
อย่างน่าเกลียดเหลือกำลัง

หวังว่าปีนี้ จะไม่มีการตั้งขบวนแห่เปรต 
ประกวดประชันเปรตกันในวัดพระธาตุอีกนะครับ

ขอเถิดครับ, แค่นี้ก็เปรตมากเกินแล้วครับ 
จะไปจัดไปทำกันที่ไหน 
ที่สนามหน้าเมือง นอกถนน จนที่ศาลากลาง ผมไม่ว่า

กรุณาเว้นพระบรมธาตุที่ผมคนหนึ่งละครับ 
รับไม่ไหว.

๑๒ กย.๖๐