เพื่อแผ่นดินเกิด

เมื่อหลายวันก่อน สุรเชษฐ์ แก้วสกุล กับ ยศไกร กาญชนะชัย ยืมรถที่บ้านเมืองนคร บอกว่าจะไปสำรวจแถบสะทิ้งพระ ๒ วัน ยังไม่ทันกลับถึงนคร ก็รีบรายงานการพบสถานที่แห่งนี้ว่าสุดวิเศษ เมื่อก่อนการเริ่มประชุมสัมมนาสุวรรณภูมิที่สงขลาอ.ศรีศักร แวะรับจากนครมาหาดใหญ่น้องเขาชวน อ.ศรีศักรเข้าไปที่นี่แล้ว อ.ศรีศักรบอกพวกเราว่า การลงพื้นที่สำรวจวานนี้น้น ต้องไปที่นี่ นี้ที่สถานีสุดท้ายของการลงพื้นที่ "สุวรรณภูมิที่สงขลา" เมื่อวานนี้โดยที่พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกหนักที่สะทิ้งพระทว่าฟ้าแจ้งจางปาง ตกแต่ที่หาดใหญ่เท่านั้นครับ

แรกไปถึงนั้น ราว ๔ โมงครึ่งแล้วมีทั้งทางรถและทางเดินขึ้นถึงฐานที่เป็นเชิงเทินกำแพงหินหลายชั้นซ้ำซ้อนกันอยู่พร้อมกับป้ายวัด "สูงกำแพงใหญ่"
ที่กรมศิลป์มาขึ้นทะเบียนโบราณสถานไว้แล้วแต่ยังหาไม่เห็นรายงานการสำรวจและอะไรอื่น "ที่นี้สำคัญมาก ๆ อาจจะที่สุดของภาคใต้ผมก็ไม่เคยรู้มาก่อน ต้องขอบคุณสุรเชษฐ์เขาทุกอย่างก่อด้วยหินในท้องถิ่น ไม่มีอิฐ และไม่มีการสอปูน..."  ท่าน อ.ศรีศักรชี้ประเด็นการขึ้นไปดู

เท่าที่ผมสรุปเอง
"ก่อเป็นเชิงเทินกำแพงหินซ้อนกันหลายชั้นสลับซันซ้อนขั้นไปมีแนวทางเดิน ช่องประตู และลานต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ ที่บริเวณที่น่าจะสำคัญสุด เป็นเหมือนวิหารสำคัญของพื้นที่มีการก่อฐานหินปรับพื้นที่ เพื่อให้วิหารหันหน้าทางตะวันออกสร้างเป็นคอกศิลาสี่เหลี่ยมผืนผ้าทุกวันนี้มีฐานประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลองล้อมรอบด้วยแท่นที่น่าจะเป็นฐานเสมาที่คาดว่าก่อใหม่เมื่อมาใช้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาในสมัยอยุธยาท่าน อ.ศรีศักรสันนิษฐานว่า อาจเป็นเทวสถานของศาสนาพราหมณ์ที่เก่าแก่มากอย่างที่เขาคาเมืองนคร หรือเขาศรีวิชัยที่ไชยา"

ทุกวันนี้ เป็นวัดในพระพุทธศาสนามีพระรูปเดียว ท่านถือกัมมัฏฐาน ปิดวาจามา ๒ ปีแล่้ว พวกเราจึงขึ้นกันไปเงียบ ๆ แล้วผมชวนถ่ายรูปที่ด้านล่างแล้วขึ้นกันไป เข้าไปบูชาพระรัตนตรัยข้างในคอกหินนั้นก่อนจะสำรวจตรวจตรารอบ ๆ ส่วนข้างบนขึ้นไปอีก ที่สุรเชษฐ์บอกว่ายังมีแนวกำแพงศิลาอีกหลายร้อยเมตรตกลงกันว่า ค่อยหาโอกาสมาสำรวจกันใหม่หรือไม่ก็ฝากชาวสงขลา และกรมศิลปากรพิจารณาด้วยครับใครไปทำอะไร พบอะไรอีก รายงานกันด้วยนะครับผม

๑๐ พย.๖๒ ๐๖๓๕ น.
Neca ริม มอ. หาดใหญ่