เพื่อแผ่นดินเกิด
- Details
- Written by Super User
- Category: เพื่อแผ่นดินเกิด
- Published: 30 March 2016
- Hits: 1718
เมื่อวันแห่หมรับ อย่างนี้ไม่มีวันได้มรดกโลกดอกครับ ผมพยายามประคองใจอันอิ่มบุญและเป็นกุศลไว้ตั้งแต่วานนี้ให้ตลอดวันนี้ ก่อนการส่งตายาย แม้เมื่อวานนี้น่าจะเป็นวันโกลาหลที่สุดของบ้านเมืองนี้ เพราะบรรพชนท่านสถาปนาพระบรมธาตุมาเป็นพันปี น่าจะเพิ่งปีนี้ที่เพียงฝนเทลงมาห่าเดียว ยังไม่ทันถึงฤดู น้ำก็ท่วมใหญ่ทั้งพระธาตุ ตั้งแต่เช้าวานนี้ขณะที่ชาวเมืองเข้าวัดยกหมรับถวายพระแล้วออกมาตั้งเปรตกันหน้าวัด ที่สนามหน้าเมืองมีการตั้งขบวนและแห่หมรับใหญ่ไปถวายพระธาตุ ครั้นหลังเที่ยงฝนเทลงมาห่าใหญ่ ผมพาน้าไปไหว้พระธาตุและดูหมรับ ชวนพี่หมอสมศักดิ์ไปด้วย จะได้ช่วยระหว่างผมเวียนหาที่จอดรถ จึงได้รู้ข่าวว่าตะกี้น้ำท่วมทะลักทั้งวัด จนเย็นแล้วยังเอ่ออยู่ทั่วลานหาดทรายแก้ว ณ นครดอนพระ !!! หมรับใหญ่ปีนี้นับว่าก้าวหน้าและสร้างสรรค์สวยงามยิ่ง ๆ ขึ้นเป็นลำดับ พร้อมทั้งการปรับปรุงบริเวณแกนกลางของวัดที่คณะกรรมการมรดกโลกฯ บอกว่า Core Zone กำลังจะแล้วเสร็จ ท่ามกลางความวิตกห่วงใยไปทั่ว ไม่เฉพาะแต่ยอดองค์พระที่สนิมไหลอาบเยิ้มจนวันนี้ยังไม่มีการชี้แจงผลการสำรวจตรวจวิเคราะห์จนพากันเกรงว่าอาจจะได้สนิมจากนั่งร้านแถมเข้าไปอีก แต่ขยายสู่แผงที่ขายของ ศาลาอาคารบริการ แผ่นปู ลานหาดทราย กระทั่งถนนหน้าองค์พระที่ปรับใหม่ ทางเท้าที่ทันสมัยมาก ทำแม้ทางเดินให้คนตาบอดแต่ต้องระวังชนเสาไฟของเทศบาลที่ตั้งเต็มไปหมด ถ่ายรูปอะไรเป็นติดสรรพสัตว์ลอยอยู่บนฟ้า ทั้ง ๆ ที่สู้อุตส่าห์เอาเสาและสายไฟลงใต้ดินไปหลายสิบล้านบาท ท่านก็ตั้งให้ใหม่น่าจะหลายสิบเหมือนกัน แต่ที่ตื่นเต้นกันทั้งวัดทั้งเมืองและน่าจะทั้งประเทศไปถึงทั้งโลก ก็น่าจะมาจากผลแห่งการปรับปรุงเพื่อจะเป็นมรดกโลก น้ำห่าเดียววานนี้ ท่วมท้นล้นหลามขังนองนาน ทั้งที่นอกถนน บนลานหาดทรายแก้ว กระทั่งในระเบียงพระวิหารคด ข่าวว่าชาวบุญได้พบประสบการใหม่พิเศษให้จดจำกันหลายอย่าง เช่น ช่วยกันวิดน้ำออกจากองค์พระที่บรรพชนท่านสถาปนาไว้บนยอด "ดอนพระ" ซึ่งไม่เคยมีน้ำท่วมถึงมาก่อน แม้ครั้งน้ำท่วมใหญ่ในรอบ ๑๐๐ ปีที่ผ่านมาและพอจดจำกันได้ น้ำไม่เคยถึงพระธาตุ แต่วันนี้ที่ไหนไม่ท่วม แต่ที่พระธาตุ ท่วม !!! หลายคนที่พบกันที่วัด ถามผมว่า "หรือว่าพระท่านกำลังจะบอกอะไรพวกเรา ?" ผมว่าไม่ใช่พระไหนหรอกบอก "ธรรมชาตินั้นแหละกำลังบอก" พระพุทธองค์ทรงบอกเสมอว่า "ธรรมะนั้นมีอยู่ พระองค์เพียงทรงรู้เห็นและนำมาบอกต่อ ขอให้เคารพแล้วนำไปปฏิบัติ ก็จะช่วยให้รอดได้" ผมไม่มีภาพน้ำท่วมให้ดู หากประสงค์จะเห็น ให้ตามดูในเพจของพี่เฉลิม จิตรามาศ ประชาสัมพันธ์วัด ส่วนเรื่องสิ่งปลูกสร้างอันน่าห่วงใย ผมเคยเขียนไว้เมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับเรื่องมรดกโลก ผมเคยเสนอในหลายโอกาส อ่านได้ในเพจของผมเมื่อปลายเดือนที่แล้วเช่นกันครับ จบวันนี้ด้วยคำของท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสวัดพระธาตุที่บอกว่า ตอนนี้วัดอยู่ในความดูแลของกรมศิลปากรกับคณะกรรมการจังหวัด มีตัวบทกฎหมายกำกับ ก็แล้วแต่คณะเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าที่ทำอะไรอะไรนั้น น่าจะพิจารณาดีแล้ว แต่หากในอนาคตมีปัญหาก็หนีไม่พ้นหน้าที่วัด เพราะคนก็มาบ่นมาบอกไว้กับท่าน ดังเช่นเรื่องสนิมที่ท่านก็รอ ๆ ๆ ๆ จนวันนี้ก็รอต่อไป ส่วนเรื่องน้ำท่วมวัดพระธาตุ ผมยังไม่มีโอกาสกราบท่านครับ เนื่องจากหมรับปีนี้สวยและมีเรื่องราวไม่น้อย ขอเสนอเป็นชุดนะครับ หมรับแรกผมถือว่าสุดยอดเพราะสะท้อนระบบคิด ประเพณี ตลอดจนมีความร่วมสมัยสมชื่อชาวนครอย่างยิ่ง ผมขอถอดระหัสมากกว่าเพียงว่า "สวย" อย่างนี้นะครับ ทำเป็น "มหาหมรับ" มี "สุบรรณ" คือพญาครุฑยุดกุมนาคไว้ในมือไม่ให้มามั่วพัวพันประมาณกิเลสทั้งหลาย ท้ายครุฑมานางโนราถือพานใส่ตรา ๖๐ พรรษาสมเด็จพระเทพ แต่ป้าย ๒ รางวัลบังไว้เกือบมิด ในขณะที่ "หมรับ" นั้น ทำเป็นรูปพระธาตุวางไว้ใต้ดอกบัวบานอยู่เหนือโลก มีช้าง ๔ เชือกหนุนไว้อย่างหนักแน่น แถมพระอินทร์ ราชาแห่งหมู่เทพบนสรวงสวรรค์ที่ตามมาด้วย รายรอบลงไปด้านล่าง ประดับด้วย "ประติมากรรมนูนต่ำ" แม้จะทำด้วยโฟมก็วิจิตรด้วยสีสันลีลาลวดลายร่วมสมัยสวยอย่างยิ่ง แสดงหมู่ผู้คนทุกเหล่าที่ศรัทธามาร่วมบุญแห่หมรับสารทเดือนสิบ แถมทุกชาติจากอาเซียนโดยไม่ลืมเพื่อนผู้ตกทุกข์ได้ยากในกะทะทองแดงแดนทุคติ ก็พามาทำบุญด้วย ดูกันเอาเองนะครับ งานอย่างนี้ที่ บ่งบอกว่า "นครนี้คือนครแห่งธรรมที่ห้ามพลาด" อย่างแท้จริง ฝาก ททท.และทางจังหวัดด้วยนะครับ ความสุดยอดอีกอย่างของหมรับนี้ของ "กลุ่มอำเภอหาดทรายแก้ว" คือการเลือกใช้วัสดุประสมประสานทั้งของพื้นบ้าน ตามประเพณี และ ร่วมสมัยได้อย่างเหลือเชื่อ ดูเกล็ดพญานาคสีทองซิครับ รีบดูนะครับ ประเดี๋ยวจะส่งอีกอภิมหาสุดยอดหมรับปีนี้นะครับ
