เพื่อแผ่นดินเกิด

เมื่อวันก่อนได้รับแท็กนี้ และตอบไปว่าอยู่ที่การค้นคว้ากันต่อไป

วันนี้ มีคำนิยมมาอย่างยาว พร้อมคำเชิญช่วยอธิบายและให้ทัศนะ ตามนี้ครับ

... ภาพทั้ง ๒ นี้ ก็ที่ท่านทั้งสองใช้ประกอบการสื่อสารครับผม

ไม่ต้องการคำโต้แย้ง อธิบายขยาความอะไรอีกครับ

ผมก็ทำของผมไป ท่านเห็นต่งก็ไม่เห็นเป็นไร เราล้วนเกิดไม่ทันกันทั้งนั้น

รอหลักฐานและกระบวนวิจัยค้นคว้าของคนข้างหน้าครับผม

ผมตอบไปตามนี้

... ก็เมื่อว่าผมมั่ว ๆ ก็ตามสะดวกครับ จะตามอะไรผมอีกครับ ไม่มีคำอธิบายอะไรครับ หากฟังให้ดี ผมนำข้อสรุปจากงานวิจัยของนักวิชาการจีนมาแสดงครับ เห็นต่างก็ไม่เป็นไรครับ เคยบอกไปแล้วว่าศึกษาค้นคว้ากันไปจนกว่าจะพบหลักฐานที่มีคนเชื่อถือโดยไม่ต้องไปด่าว่าใครเขานะครับ ขอบคุณมากครับ

เก็บไว้ในนี้ ถือเป็นอีกคำนิยมให้นึกสนุกในงานนี้ครับ

๑๑ พค.๖๔ ๑๒๐๐ น.

บ้านบวรรัตน์ ท่าวัง เมืองนคร

ภาพนี้ มาจาก การเสวนา ตามยูทูป 2 ตอนนี้

ที่จะสื่อว่าดินแดนแห่งประเทศไทยนี้ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างที่เคยเข้าใจ

แต่มีการติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกเป็นจุดปะทะสังสรรค์

ระหว่างโลกตะวันตกและตะวันออกมาตั้งแต่ 500 BC

หรือร่วมสมัยพุทธกาลนั้นอีก

เพียงแต่โลกทัศน์ของผู้เข้าร่วมเสวนายังยึดติดอยู่ที่ว่าพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นที่อินเดีย

ซึ่งแท้ที่จริงแล้วจากงานค้นคว้าของผม พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นที่แผ่นดินสยาม

และมีการเผยแพร่ออกไปตามเส้นทางการค้านั่นเอง

และที่สำคัญพระพุทธศาสนาที่เผยแพร่ออกไปจากต้นกำเนิดนี้

เป็นพระพุทธศาสนาแบบกาฝาก ถือไม่ใช่เถรวาทหรือพุทธที่แท้จริง

ตอนที่ 1

ตอนที่ 2

ธนบดี/8 พ.ค. 63

ความคิดเห็น 18 รายการ

แผนที่นี้ผิด เป็นการเดินทางของทูตจีนไปอินเดียระหว่าง พ.ศ. 544 -548 เป็นการเสวนาซึ่ง นพ. บัญชา พงษ์พานิช นำมาแสดงให้ดู แต่บริเวณเมืองต่างๆ ตามการเดินทางยังผิดพลาด จึงขอให้แก้ตามนี้เลยครับ (ดูแผนที่ ที่แก้ไขแล้ว)

ตู้หยวน (Duyuan) ไม่ได้อยู... ดูเพิ่มเติม

ที่ ผมได้รู้จักคุณหมอบัญชา ครั้งแรก จากคลิปนี้ แบบจริงๆ จังครับ

และ อยากจะสื่อสาร ถึงคุณหมอบัญชามาตั้งแต่ ปีที่แล้วครับ

แผนที่นี้ โดยหมอบัญชา พงษ์พานิช ใน รายการสโมสรศิลปวัฒนธรรมเสวนา "พุทธศาสนากับเส้นทางการค้าในสุวรรณภูมิ"

เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563 วิทยากรมี 2 ท่าน

คือ อ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม และอีกท่านหนึ่งคือ คุณหมอ บัญชา พงษ์พานิช

หมอบัญชาอธิบายเรื่องการเดินทางของทูตจีนไปอินเดีย (พ.ศ. 544 - 548) และเมื่อตรวจสอบดูตามแผนที่ที่จัดมาให้

พบว่า เมืองต่างๆ ที่วางไว้ มีข้อผิดพลาดทั้งหมด เพราะไม่มีความรู้และเข้าใจ

การวางเมืองก็ใช้วิธีเดา มั่วๆ ไป เราอธิบายเสียใหม่ได้ตามนี้นะครับ : -

เมือง Hopu Xuwen และ Chu - yai (เกาะไหหลำ) เป็นเมืองในประเทศจีนทั้งหมด

ส่วน Jih- nan (Rinan) คือคำที่จีนใช้เรียกดินแดนในเวียดนามเหนือ สมัยนั้นเป็นดินแดนภายใต้การปกครองของจีน

Tuyuan (Duyuan) คือ ท่าเรือ บริเวณเมือง “ฮานอย” ต่อมาในจดหมายเหตุปโตเลมี ราวพ.ศ. 700 เรียกว่าเมือง”กัตติการา” หมอบัญชา ไปวางไว้ที่เวียดนามใต้

อีหลูม้อ I - lu - mo (Yilumo) เรียกมาจากชื่อ “จูโหล่วมี่” คือ แคว้นจามปาในประเทศเวียดนาม ซากเมืองอยู่ทางใต้ของเมืองเว๊ อยู่ที่เมืองกวางนามทางตอนกลางของเวียดนาม หมอบัญชาวางไว้ที่ภาคกลางของไทยแถว นครปฐมซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะ พ.ศ. 544 คือ 2,000 ปี มาแล้ว นครปฐมไม่มี เพิ่งจะเกิดโดยพญาสักรดำเมื่อพ.ศ. 1133 (ในพงศาวดารเหนือ)

เฉินหลี ไม่ใช่อ่าวบ้านดอน หมอเอาไปวางผิดที่ เพราะไม่มีความเข้าใจ แต่เฉินหลีคือเมืองท่าเรือ ยะรัง ในปัตตานี จีนต่อมาเรียกเมืองนี้ในหลายๆชื่อ เช่น หลังยะสิว โฮลิง เตี๋ยนซุน

Fukantulu ก็ไม่ใช่ ตักโกลา หรือ พังงา บันทึกกล่าวว่า จากอีหลูม้อเดินเรือมา 21 วันถึงเมือง เฉินหลี ( Shen - li) ซึ่งตามแผนที่ไปขึ้นที่คอคอดบริเวณอ่าวบ้านดอนซึ่งไม่ใช่ อันที่จริงคณะทูตขึ้นบกที่เมืองยะรังในปัตตานี และเดินบกข้ามคาบสมุทร ขนสินค้าประเภท ทองคำ และ ผ้าไหม ไปเป็นของแลกเปลี่ยน ต้องใช้เวลา มากกว่า 10 วัน จึงจะเดินข้ามคาบสมุทร ไปถึงเมือง Fukantulu ( Fugandulu) คำนี้ถ่ายเสียงมาจากชื่อ “สุวรรณภูมิ” ซึ่งอยู่ทางฝั่งอันดามัน และซากเมืองอยู่ที่ “สุไหงบาตู” รัฐเคดาห์ในมาเลเซีย หมอบัญชานี่ร้ายมาก ผมเจอที่งานสัมมนา "ศรีวิชัย" เมื่อ 20 มีนา 64 แกยังไม่ยอมรับเลยว่าวางเมืองผิด ผมบอกว่า ฟูกานตูลู คือ สุวรรณภูมิซึ่ง หมอ และ อ.ศรีศักดิ์ อ้างมาตลอดว่า อยู่ภาคกลางของไทย คือ อู่ทอง + ดอนตาเพชร โดยหมอเอาเรื่องลูกปัดโบราณ มาอ้างโดยตลอด ทางนักโบราณคดีของไทยเรา เขาก็คัดค้านมาโดยตลอดเช่นกัน 2 คนนี่พูดอะไรก็ไม่ฟังและยอมรับเลย

ขอบพระคุณครับท่านพี่ ความคิด ของหลายๆ ท่าน ที่ได้เคยเชื่อมาแล้ว บางที ก็เปลี่ยนยากครับ ถ้าไม่เปิดใจ รับฟัง ข้อมูลใหม่ๆ

ธนบดี วรุณศรี

ต้องเรียนเชิญ คุณหมอบัญชา มา ช่วยอธิบาย และแสดงทัศนะ ครับ

เรียนเชิญครับ คุณหมอ

ก็เมื่อว่าผมมั่ว ๆ ก็ตามสะดวกครับ จะตามอะไรผมอีกครับ ไม่มีคำอธิบายอะไรครับ หากฟังให้ดี ผมนำข้อสรุปจากงานวิจัยของนักวิชาการจีนมาแสดงครับ เห็นต่างก็ไม่เป็นไรครับ เคยบอกไปแล้วว่าศึกษาค้นคว้ากันไปจนกว่าจะพบหลักฐานที่มีคนเชื่อถือโดยไม่ต้องไปด่าว่าใครเขานะครับ ขอบคุณมากครับ