การพระศาสนา
- Details
- Written by Super User
- Category: งานศาสนา
- Published: 31 March 2017
- Hits: 1559
ขอโหมโรง ๑๑๑ ปี พุทธทาส กันตั้งแต่เดี๋ยวนี้นะครับ
StartUp Buddhadasa 111th Aniversary Together
(bunchar.com การพระศาสนา 20170331_1)
อีกไม่ถึง ๒ เดือนแล้ว พุทธทาสเกิดเติบโตและอยู่มายังไม่ตายตามสมมุติ ๑๑๑ ปีแล้ว
น้อง ๆ กำลังขยับงานต่าง ๆ กันออกมา
นี้ที่จะทำกันตอนปลายเดือนเมษาที่มี "เสาร์ห้า"
แถมอีกคนค้นที่ผมเคยพูดไว้เมื่อ ๓ ปีก่อน อย่างนี้ครับ
"ถ้าเรียกว่า ธรรมะคือยาสารพัดโรค ยาสามัญประจำบ้าน หยิบง่าย ใช้สะดวก และตรงกับโรค ด้วยงานธรรมของท่านพุทธทาส มีเยอะมาก ทางหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ จึงนำมาจัดหมวดหมู่ ถ้าเอาไว้บนหิ้งหายาก โลกทุกวันนี้มันเปลี่ยน ก็เลยนำมาเปลี่ยนเป็นดิจิทัลต่อ แล้วออกแบบเป็นแพ็กเกจ หยิบง่ายใช้คล่อง ใครจะเข้าช่องไหนก็ว่ากันไป เราทำหน้าที่จัดระบบ พัฒนา ให้เหมาะต่อผู้คน และยุคสมัย หน้าที่เราคือ ทำของดี ให้เหมาะใช้ง่าย ส่งไปถึงปลายทาง"
"ที่คุณไพโรจน์ สิงบัน บอกว่า หมวดธรรมะของหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ แบ่งเป็น 3 หมวด คือ หมวดที่เป็นหนังสือ หมวดที่ไม่ได้เป็นหนังสือ และสื่อต่างๆ เช่น เสื้อ 'โมโห' ตัวนี้ หรือ เสื้อ ที่เขียนคำว่า 'หลง' ทำให้เรายังไม่ไปถึงไหน เราก็มีอ้างอิงด้วยว่ามาจากหนังสืออะไร หน้าที่เท่าไหร่ เพื่อให้ไปค้นหากันเองต่อในหนังสือ หรือในออนไลน์ แล้วเราก็มีสื่อใหม่ๆ (New Media) พวกทีวี และโซเชียลมีเดียต่างๆ หัวใจของเราก็คือ ทำอย่างไรให้เป็นยาสามัญที่ทุกคนเรียกใช้ได้ง่าย ใช้แล้วโดน เมื่อโดนเขาก็จะศึกษาลึกขึ้นๆ เอง ตอนแรกก็แค่ยาแก้ปวดหัวแต่ต่อไปนอนไม่หลับจะบ้าแล้วก็ต้องมียาแก้บ้า ประมาณนี้"
เป็นที่แน่นอนว่า ความแข็งแรงของแก่นธรรม ที่ท่านพุทธทาสขุดเพชรจากพระไตรปิฎกออกมาให้ย่อยง่าย และนำไปใช้ได้จริงนั้น จะตอบโจทย์ทุกคนได้ ก็ต้องมีฐานงานที่ดี คุณหมอบัญชา ชี้แจงที่มาของแหล่งอ้างอิงที่เรามักจะทำตกหล่นไปจนเหลือเพียงสาระและผู้นำสารเท่านั้น ที่อาจทำให้เรากลายเป็นผู้เรียนธรรมะแบบตัดตอน และลืมต้นรากได้
"ดังนั้นเรามีฐานงานของท่านอาจารย์พุทธทาส ซึ่งท่านก็บอกชัดเจนว่า ทั้งหมดที่ท่านทำไม่ใช่ของท่าน เป็นของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นเราต้องอิงฐานให้ถูกต้อง"
กับวาทะ "สวนโมกข์ทุกที่ พุทธทาสทุกคน" ที่คนรุ่นใหม่อาจไม่เข้าใจความหมายอย่างแท้จริง
"จริงๆ อันนี้เป็นการแสดงธรรมที่สำคัญเหมือนกัน ช่วงที่ท่านอาจารย์มีชีวิตอยู่ ตั้งสวนโมกข์เมื่อปี 2475 หลังจากนั้นหลายคนก็อยากตั้งสาขา 'สวนโมกข์' เพราะจะได้พึ่งใบบุญ ก็มีหลายคนพยายามตั้ง และให้ท่านอาจารย์รับรอง ท่านอาจารย์พุทธทาสบอกเลยว่า รับรองกันไม่ได้หรอก เพราะว่า โดยกำลังก็ไปดูไม่ไหว อย่างไรก็ตาม ใครอยากจะทำก็ทำเถิด ทำได้ แต่รับผิดชอบกันเอาเอง ท่านไปไกลกว่านั้นอีก ท่านบอกว่า จริงๆ สวนโมกข์เป็นได้ทุกที่ ไม่ต้องเป็นเคหสถานไหน จริงๆ จุดไหนก็ตามที่คุณทำให้มัน โมกข์ ได้ ที่นั่นคือ สวนโมกข์ เพราะโมกข์ แปลว่า ความหลุดพ้น หรือไม่ก็จัดอาณาบริเวณที่เหมาะต่อการหลุดพ้น ท่านจึงกล่าวว่า สวนโมกข์จึงเป็นได้ทุกที่ ไม่ต้องมาติดที่ร่มเงาของสวนโมกขพลาราม
"เช่นกัน สวนโมกข์กรุงเทพฯ เราตั้งเป็นหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ แต่เราก็มีชื่อเล่น เพราะทุกคนติดชื่อ 'สวนโมกข์' เราก็อยากเป็นสวนโมกข์ ท่านอาจารย์ โพธิ์ จันทสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล (สวนโมกขพลาราม) ก็บอกว่า ที่จริงก็ทำได้ แต่จะเป็นหรือไม่เป็น ไม่ได้อยู่ที่สวนโมกข์ ไชยา รับรอง จะเป็นหรือไม่เป็นอยู่ที่คนทำ"
"เราก็เอาหลักการของท่านอาจารย์พุทธทาสที่ว่า สวนโมกข์ทุกที่ แต่ละคนต้องรับผิดชอบกันเอง ทำเท่าที่เรามีกำลัง ส่วนจะเป็นได้แค่ไหน เราก็พยายามอยู่ ส่วนคำว่า 'พุทธทาสทุกคน' หลายคนบอกว่า ท่านอาจารย์พุทธทาสยิ่งใหญ่ แต่จริงๆ ต้องไปดูข้อปรารภของท่านอาจารย์พุทธทาสว่าทำไมท่านจึงกำหนดชื่อองค์ท่านว่า 'พุทธทาส' "
แล้วคุณหมอบัญชาก็ยกตัวอย่างชื่อของตนเองว่า ที่ชื่อบัญชา ก็เคยถามพ่อ ทำไมจึงตั้งชื่ออย่างนี้
"พ่อบอกว่า อยากให้ผมเป็นเจ้าคนนายคน ชื่อจึงสะท้อนเจตนาของผู้ตั้ง ท่านอาจารย์พุทธทาส เคยเล่าว่า มีพระอิตาลีรูปหนึ่ง ตั้งชื่อว่า พระโลกนาถ มาชวนพระภิกษุใจสิงห์ บอกว่า มาเดินเท้าจากเมืองไทย พาดผ่านพม่า ไปให้ถึงอินเดีย แล้วก็จะไปฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในอินเดีย และจะฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในโลก แล้วท่านโลกนาถก็หมายตาเลยว่า พระภิกษุรูปนั้นควรจะไป แล้วก็บอกกับท่านพุทธทาสว่า ท่านนั่นแหละ ควรจะไปกับเรา"
"ตอนหลังมีคนไปถามท่านอาจารย์พุทธทาสว่า ทำไมท่านไม่ไปกับท่านโลกนาถ ท่านอาจารย์ตอบว่า เรารู้สึกว่า ท่านตั้งชื่อมันเกินงาม เพราะคนที่จะมีชื่อว่า โลกนาถ ซึ่งหมายถึง ฉันเป็นที่พึ่งของโลก เพราะฉะนั้น แค่ตั้งชื่อก็ประกาศศักดิ์ดาแล้วว่ากูแน่ เพราะคำว่า โลกนาถ หมายถึงพระพุทธเจ้า ในพระพุทธศาสนาจะเรียกใครว่า โลกนาถ ผู้นั้นคือ พระพุทธเจ้า แสดงว่า พระภิกษุรูปนั้น ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้า ท่านอาจารย์พุทธทาสไม่ไปหรอก สุดท้ายคณะของท่านโลกนาถก็ไปถึงพม่าแล้วก็แพแตก ท่านโลกนาถก็สึก แต่ท่านอาจารย์พุทธทาสไม่สึก ท่านเลยตั้งชื่อว่า พุทธทาส ฉันไม่เป็นอื่น ฉันไม่ยิ่งใหญ่ ฉันไม่สำคัญ ฉันขอเป็นแค่ทาสรับใช้ของพระพุทธเจ้า สวนโมกข์ยืนยันความไม่มีตัวตน เป็นแค่ทาสรับใช้ และสวนโมกข์ก็ไม่ติดว่าต้องเป็นฉัน เป็นกันได้ทุกคน ท่านท้าทายไว้เลย เพียงแต่ยอมเป็นกันหรือเปล่า ใครๆ ก็เป็นได้ เพียงแค่มารับใช้พระพุทธเจ้า"
"สวดกันทุกวัน ในบทสวดมนต์ทำวัตรเย็น ท่านอาจารย์พุทธทาสก็นำมาจากตรงนั้น ข้าพเจ้ามอบชีวิตและร่างกายนี้ ถวายแด่พระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นนายของข้าพเจ้า" เพราะเหตุดังว่ามานี้ ข้าพเจ้าจึงชื่อว่า 'พุทธทาส' ตอนที่เรามาตั้งหอจดหมายเหตุพุทธทาสฯ เราก็ขอแค่เป็นหน่วยหนึ่ง ใครอยากทำเช่นนี้ก็ทำได้ และถ้าใครอยากที่จะเป็นทาสพระพุทธเจ้าเหมือนกับมหาเงื่อม อินทปัญโญ ก็ช่วยกัน"
เท่านี้นะครับ
๓๑ มีค.๖๐