การพระศาสนา

หลังเสร็จกิจที่เมืองนครวันนี้
รีบหวนกลับมากรุงเทพแล้วตรงไปที่กัดมันดูแกลเลอรี่
ในถนนปั้นข้างวัดแขกสีลม

พบคุณมานิตกับพี่นิวัติ กองเพียรและพี่บี๋ ภริยา
นั่งคุยกับพร้อมลิ้ม "รสมาลัยถ้วยน้อย"
แล้วร่วมกันเปิดนิทรรศการน้อย ๆ ในคืนวันนี้
ที่คุณมานิตตั้งชื่อว่า "รอยประทับวิญญาณ"
หรือ "Imprint of Spirit"

พี่นิวัติ บอกว่า... 
"ตอนนั้นพวกเรายกกองตามอาจารย์สุลักษณ์
ออกมาจากสังคมศาสตร์ปริทัศน์
มาอยู่ที่ไทยวัฒนาพานิช
พอดีที่คุณวีระ ต.สุวรรณ กลับมาจากเมืองนอก
ก็เลยสนุกกันใหญ่
อยู่มาวันหนึ่ง มีชายสูงวัยท่านหนึ่ง
ขนภาพชุดหนึ่งมาพบ อ.สุลักษณ์
แล้วพวกเราตื่นเต้นกันมาก
ทั้ง น. ณ ปากน้ำ อวบ สาณะเสน 
อังคาร กัลยาณพงศ์ รวมทั้งผม และ อ.สุลักษณ์
จึงตกลงทำหนังสือเล่มนี้ออกมา
พร้อมกับที่เกิดนิทรรศการภาพชุดนี้
ที่สุดท้าย เพิ่งรู้ว่ายังอยู่...ที่สวนโมกข์"

ผมเองนั้น บอกอย่างนี้
"ถือว่าวันนี้มีมงคล พอดี ๒๖๐๕ ปี 
แห่งการประกาศธรรมของพระพุทธองค์
แถมยัง ๒๔ ปี ที่ท่านอาจารย์ละสังขารสิ้น
แล้วกัดมันดูแกลเลอรรี่ จัดนิทรรศการนี้ขึ้น
ท่าน อ.พุทธทาส กับ อ.ระบิล บุนนาค นั้น
ติดต่อสัมพันธ์แลกเปลี่ยนเรียนรู็กันมานาน
มีงานของท่านอยู่ที่สวนโมกข์ไม่น้อย
ตอนไปอินเดียนั้น ท่านก็ไปด้วยกัน
ท่าน อ.ระบิล ได้ภาพอะไรดี ๆ 
ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ประวตัิศาสตร์ โบราณคดี
เป็นต้องส่งถวายท่านอาจารย์เสมอ ๆ
เมื่อ ๒ - ๓ ปีก่อน ผมเดินไปพบนิทรรศการชุดนี้
ในกล่องบนโรงหนังที่ไชยา 
เห็นว่าทางโน้นน่าจะไม่ใช้อะไรแล้ว
จึงกราบท่านอาจารย์สุชาติ ว่าขอนำไปเก็บรักษา
เพิ่งได้ขนขึ้นมา แล้วน้อง ๆ จะแกะกรอบทำความสะอาด
แต่ผมเสียดายมาก
เนื่องจากนี้เป็นจดหมายเหตุหลายชั้น
ทั้งภาพและการทำคำอธิบาย จัดวางแล้วใส่กรอบ
งานของ ร.บุนนาค กับ หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์
แล้วก็ A.B. Griswold 
ก็เลยขอให้ทำความสะอาดแต่ภายนอกแล้วรอไว้
ได้คุณมานิตมาดู แล้วขอยืมมาจัดนิทรรศการนี้"

แล้วผมก็ขอความรู้คำแนะนำจากที่ชุมนุมนั้น
นักเลงทุกคนบอกว่า
"กรุณาเก็บไว้อย่างนี้นี่แหละครับ 
ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
เพียงทำความสะอาดให้มากที่สุด
แล้วเก็บรักษาในห้องคุมความชื้นและอุณหภูมิก็พอ
เพราะถ้าแกะ ภาพน่าจะติดกระจก 
แถมกรอบก็น่าเสียดายไปหมด
หาอย่างนี้ที่ไหนไม่ได้อีกแล้วครับ
อย่าว่าแต่ประเทศไทยเลย
ในโลกนี้ก็เถิด"

เชื่อไหมครับ
คนมาชมวันนี้ ต่างชาติมากกว่าคนไทย !!!

๘ กค.๖๐