การพระศาสนา

หลังต้อนรับ พร้อมกับทบทวนร่วมกันว่าพวกเรานี้มีพันธกิจอะไร
รวมทั้งที่ีมีกัน ๗ กองกำลัง
ตั้งแต่ จดหมายเหตุ / สื่อสารธรรม / เผยแผ่ / สโมสร /
ต่างประเทศ / อำนวยการ / การเงินและบัญชี

ผมก็เริ่มกับคำถามแรกนี้ ... ทำไมถึงได้เกิดสวนโมกข์กรุงเทพ ?
ที่หน้ากุฏิเล้าหมูของท่าน อ.พุทธทาส

ซึ่งแต่ละคนช่วยกันตอบ ๆ ๆ รวมทั้งผมด้วย
จนต่อเป็นภาพครบครับ

ถ้าเอาให้ยาว ก็ตั้งแต่พระพุทธองค์ทรงค้นหาจนเจอ
แล้วท่าน อ.พุทธทาส ก็ตามรอยพระอรหันต์จนพบ
จนตั้งเป็นสวนโมกข์ที่ไชยา เมื่อวิสาขบูชา ๒๔๗๕
ค้นคว้าปฏิบัติทำงานสารพัดอยู่ ๑๐ ปีแรก ในกุฏิเล้าหมูอย่างนี้
จนกระทั่งขยายเป็นสโมสรธรรมทาน และสวนโมกขพลาราม ฯลฯ
แล้วในวาระ ๖๐ ปี สวนโมกข์ เมื่อปี ๒๕๓๕
ที่ผมสึกออกมาแล้ว ๗ ปี แต่ยังเวียนไปเกาะกระแสธรรมอยู่ที่นั่น
ได้เข้าไปค้นคลังเพื่อทำหนังสือสมุดภาพสวนโมกข์ถวาย
จนเจอว่าที่ท่านทำไว้นั้น คือสุดยอดแหล่งจดหมายเหตุ
ได้กราบท่านและหารือกับท่านสันติกโร
" ... ก็เห็นว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าใครจะทำ ... "
คือคำปรารภของท่าน อ.เมื่อวันนั้น
โดยท่านสันติกโรกับผม ต่างก็ลองยกร่างออกมาคร่าว ๆ ถวายไว้

จนกระทั่ท่านสิ้นในปี ๒๕๓๖
ท่าน อ.โพธิ์ ขอให้ทุกคนพบอะไรให้นำมารวบรวมไว้
แล้วในปี ๒๕๔๕ ก็มอบหมายให้ผมหาวิธีตั้งเป็นหอจดหมายเหตุ
พร้อม ๆ กับที่ผมก็เลิกทำงานอะไร มาแสวงหาหนทาง
พยายามหลายวิธีที่จะทำที่ไชยาหรือสุราษฎร์
จนได้ข้อสรุปร่วมกันว่า หากทำที่กรุงเทพจะเป็นไปได้ดีและเกิดประโยชน์กว่า
กระทั่งกาบบังคมทูลของพระราชทาน
และพระเจ้าอยู่หัว ร.๙ ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้สร้างขึ้นที่นี่

กำลังจะครบ ๑๐ ปีพอดีแล้ว ...

คือที่ต้อนรับกันเมื่อเช้าวานนี้ครับ

๑๑ มีค.๖๓ ๐๘๔๐ น.
บ้านท่าวัง สะพานควาย กทม.