บัญชาชีวิต
- Details
- Written by Super User
- Category: บัญชาชีวิต
- Published: 16 September 2016
- Hits: 1740
Ratana Memorial College
เปิดโรงเรียนรัตนานุสรณ๋
(bunchar.com การพระศาสนา,บัญชาชีวิต 20160909_4)
นี้คือส่วนหนึ่งในหนังสือที่จะพิมพ์เป็นอนุสรณ์แม่
โดยคัดจากบันทึกบัญชาอุปสมบท ๘
"อาจารย์พุทธทาสขอโอกาสพูด(ปักษ์ใต้)
ในประเพณีปลงศพพ่อหลวงแช่ม ชยธมฺโม"
ที่สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา
จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๗
พร้อมภาพประกอบท่านอาจารย์โพธิ์หน้าหีบแม่หลังย้ายจากศาลา ๒๗ มายังศาลา ๔ ตะกี้นี้
“วันนี้ มาประชุมกันในลักษณะเช่นนี้ ถือว่าเป็นการเปิดโรงเรียน เปิดมหาวิทยาลัยชั่วขณะที่ตรงนี้ ขอให้ทำใจให้สำเร็จประโยชน์ ให้เป็นการศึกษาส่วนหนึ่งต่างหาก คือว่าลึกและแปลกออกไป ... โดยเฉพาะในวันนี้ที่เรามาประชุมกันที่นี่ในลักษณะเปิดการศึกษา...เรื่องชีวิตจิตใจ เรื่องการเกิดมา การแก่ การเจ็บ การตาย เพื่อให้ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น เราจึงทำไปตามธรรมชาติ”
“นี่ก็เป็นประเพณี ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ทำกันมานานแล้ว ดดยมุ่งหมายจะให้เป็นโอกาสพิเศษโอกาสหนึ่งในการทำในใจให้ดีที่สุด ... ทุกคนมาเผาศพ นั่นก็เป็นการพูดไปตามกิริยาอาการภายนอก แต่ว่าคนฉลาดคงจะพูดว่า “มาเพื่อการศึกษา” เพื่อการศึกษาจากการเผาศพ นี่ จากการเผาศพมันจะศึกษาอะไรได้บ้างก็ขอให้คิดดู แต่ว่าการศึกษานี่มันก็ลำบากเหมือนกัน ถ้าหูมันหนวก มันก็ไม่ได้ยิน ตามันบอดมันก็ไม่ได้ยิน ถ้าตามันไม่บอดมันก็เห็น เห็นกระแสของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เห็นชีวิตชีวาที่เกิดมาแล้วเป็นไปอย่างไร”
“นี่ พ่อหลวงในโลงร้องพูดว่ามันเป็นเช่นนี้เอง มันเป็นเช่นนี้เอง แต่คนเหล่านี้หูหนักหูหนวก ฟังไม่ได้ยิน ตาก็บอดมองไม่ค่อยเห็น ... ได้ยินกันเสียบ้างตะว่าพันนี้เอง เกิด แก่ เจ็บ ตาย พันนี้เอง อย่าให้สิ่งนี้เข้ามาเป็นอุปสรรคให้เกิดความทุกข์ ทำไหรป่วยการ ความเจ็บมาก็หัวเราเยาะ ความแก่มาก็หัวเราะเยาะ ความตายมาก็หัวเราะเยาะ พันนั้นเอง ไม่ต้องเป็นทุกข์ จะรักษาก็รักษาไปไม่ต้องเป็นทุกข์ นี่ก็ได้ความรู้ว่าเกิดมาทีนี่มันไม่เสียเปล่า ... จึงไม่เคยคิดกันว่าเกิดมาจะต้องทำอะไรบ้าง รู้จักแต่เรื่องกินเรื่องหาเงิน เรื่องสนุกสนานเล่นหัว เรื่องเพศเรื่องกามารมณ์ เรื่อสวยเรื่องรวย ไม่เคยรู้เรื่องว่าจะทำแค่ดีมีประโยชน์ จึงขอให้นึกได้กันคราวนี้แหละ เวลาพันนี้แหละ เวลานี้โดยเฉพาะ ขอให้นึกได้เรื่องในธรรมชาติ สังขารทั้งหลายนะมันเป็นตถตา มันเป็นเช่นนี้เอง เป็นเช่นนี้เอง ... เมื่อเป็นเช่นนี้เองก็เห็นได้ง่าย เปิดเผยอย่างยิ่งเลย ใครอยากจะไปดูหน้าตาปากศพก็ดูไปตะ เช่นนี้เอง เช่นนี้เอง เป็นเช่นนี้เอง แม้แต่เขาเอามาตั้งบนกองฟืนสำหรับจะเผานี่มันก็เช่นนี้เอง มันเป็นเช่นนี้เอง แล้วก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ ทำสิ่งแค่ควรทำแล้วมันจะหมดปัญหาว่าเราเกิดมาทำอะไหร ที่จริงเกิดมาทำอะไหรนี่ยังไม่เป็นปัญหาที่ดีนัก ปัญหาแค่ดีที่สุดคือมันเกิดมาอย่างนี้แล้วควรจะทำอย่างไรนี่แหละ เมื่อมันเกิดมาในสภาพเช่นนี้แล้ว มันควรจะทำอย่างไรนี่เป็นปัญหาแค่ควรจะคิดนึกแล้วก็แกให้ได้ แก้ให้หลุด อย่าให้เสียทีที่เกิดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา”
“เอาละ เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนได้รับความรู้ ได้เห็นตัวอย่างที่ดี คนแค่ตายไป กำลังจะเผานี่เป็นตัวอย่างที่ดีว่าเกิดมานี่มันไม่เป็นหมัน ทำหน้าที่ ทำประโยชน์ถึงที่สุด เราควรจะได้สังเวช ได้ยินสังเวชด้วยใจ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็ได้ หรือว่า ตถาตา อวิตถาตา อนัญญถตา ก็ได้ เป็นเช่นนี้เอง เป็นเช่นนี้เอง แล้วจะได้หายโง่ จะได้หายโง่ก่อนตาย เรายังไม่ทันตายจะได้หายโง่ก่อนตายว่ามันเป็นเช่นนี้เอง เป็นเช่นนี้เอง นี่จึงได้มาประชุมกันที่นี่ ถึงจะลำบากบ้าง ก็ขอให้มองเห็นข้อแค่ว่าได้ความรู้สึกในทางจิตใจแค่สูงมาก แค่แพงมาก แค่เกินค่าหรือเกินราคานั่นแหละ ไม่ต้องดื้นรน ไม่ต้องร้อนใจอะไร ขอให้ฟังถ่อยคำเหล่านี้ และจำเอาไปสำหรับเป็นเครื่องเตือนตนตลอดเวลาจนกว่าจะได้รับการกระทำอย่างนี้บ้าง แล้วให้เป็นเรื่องแค่สงบ ไม่ดิ้นรนกระวนกระวาย ไม่มีความทุกข์เลย เอาละพอแล้ว ไม่มีแรงจะพูดแล้ว มันไอ ขอยุติการพูดจาในโอกาสพิเศษเช่นนี้ ด้วยกาสรุปความว่า มันเป็นเการเปิดโรงเรียน การมาประชุมรวมกันมาแค่นี่ มาเปิดโรงเรียนหรือเปิดมหาวิทยาลัยกัน ... มันสอนสูงกว่าโรงเรียน สอนเรื่อง อนัตตา สุญญตา ตถาตา นี่มันสอนยิ่งกว่าในโรงเรียน สอนระดับมหาวิทยาลัย ใครรู้ใครเห็น แล้วก็ได้เลื่อนชั้นเป็นอริยบุคคล ขออย่าได้เป็นหมันเปล่า มาแล้วนี้ ขอให้ได้เข้าใจเรื่องว่า ชีวิต สังขารทั้งหลายนั่นเป็นเช่นนั้นเอง รีบใช้ให้เป็นประโยชน์ที่สุดที่จะทำได้ ต่อไปนี้ เราจะแสดงอาการเคารพผู้ล่วงลับไปแล้ว ผู้แค่ร่างกายล่วงลับไปแล้วนี่โดยทางวัตถุ คือ วางดอกไม้จันทน์ วางเครื่องบูชา หรือโดยทางวาจาก็พูดจา หรือทางใจก็คิดนึก คิดนึกไปตามนี้เลย คิดนึกอย่างเดียวหมดนี้เลย ก็ได้ทำหน้าที่ของเราครบถ้วนทุกประการ ก็จะเป็นการกระทำต่อบุคคลผู้ล่วงลับไปนี้ในฐานะเป็นญาติ เป็นมิตร เป็นสายโลหิต เป็นญาติโดยธรรม เป็นญาติคือเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทุกคน จะเป็นอย่างอื่นก็ไม่สำคัญ แต่เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย นี่แหละสำคัญ ขอให้แสดงอาการสุดท้ายอันจะพึงกระทำต่อเพือเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของเรา แล้วก็ถือกันเป็นหน้าที่แค่จะเผาให้หมดเพื่อนไปคนหนึ่ง เรามีประเพณีเผาก็เผา ประเพณีฝังก็ฝัง มีประเพณีไหรก็แล้วแต่ นี่เป็นเรื่องแค่มีประเพณีเผา.”