เพื่อแผ่นดินเกิด
- Details
- Written by Super User
- Category: เพื่อแผ่นดินเกิด
- Published: 26 September 2017
- Hits: 1317
๔ ชม.กึ่ง กับการเลาะรั้วชมวัง...
กับทัวร์ร้อยเรื่องราว...วังต้องห้าม
Fully Half Day in The Forbidden City
(bunchar.com เพื่อแผ่นดินเกิด 20170925_5)
Kanlaya SupatwanichRawat ChomsriEui Ivy
เพื่อให้ได้จุใจกับวังต้องห้ามซึ่งเป็นหัวใจของการไปครั้งนี้
"ปลา" บอกว่า เธอรู้แต่เส้นทางสายกลางสายเดียว
ที่ใคร ๆ ก็มากันเพียงเท่านี้เท่านั้น
หากจะไปที่ไหนอื่น เป็นหน้าที่ของผม
โดยพากันออกจากพิพิธภัณฑ์ มาถึงหน้าประตูเทียนอานตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง
จากนั้นก็ไหลลอดช่องประตูกลางไปเป็นอันดับ
โดยได้ชี้ชวนดูเส่าฮว่าเทียน (จำชื่อได้ไม่แม่นนัก)
ที่มีการให้ความหมายไว้หลายอย่าง
แต่ผมชอบที่เขาอธิบายว่าเป็นเสาเตือนใจจักรพรรดิ์
สร้างโดยย่งเล่อ ฮ่องเต้องค์ที่ ๓ แห่งราชวงศ์หมิง
ผู็ชิงราชสมบัติจากหลานชายที่นานกิงทางตอนใต้
แล้วย้ายมาตั้งนครหลวงและวังซ้อนทับที่ปักกิ่งนี้
ซึ่งเป็นนครหลวงของราชวงส์หยวนจากมองโกล
น่าจะด้วยสองสามเหตุ
คือนอกจากมายันมองโกลที่ขับไล่ออกไปได้แล้ว
ยังได้ไกลจากนานกิงและชายฝั่งทะเล
ด้วยเมื่อชนะหลานชายนั้น หาพระศพไม่เจอ
จึงข้องใจว่าอาจจะหนีไปทางทะเลแล้วซ่องสุมผู้คนอยู่ที่ไหน
และนี้ก็เป็นอีกเหตุที่ว่ากันว่า ทรงส่งเจิ้งเหอ-ซำปอกงเดินทางทะเลไกล
เพื่อสืบความพระเจ้าหลานชายนั้นด้วย
วังต้องห้ามแห่งนี้
สร้างสมัยย่งเล่อผู้นี้
เสาฮว่าเตียนนี้ มีปี่เซียะยืนอยู๋เหนือป้ายเมฆ
ด้านนอกประตู หันหัวออกสู่จตุรัสฯ
ว่ากันว่า เป็นเครื่องหมายเตือนจักรพรรดิ์
ว่าออกไปเที่ยวไหน ๆ อย่างนาน ให้รีบกลับมาว่าราชการ
ส่วนเสาคู่ข้างในประตูนั้น หัวหน้าเข้าข้างใน
ว่าอย่ามัวแต่เสวสุขอยู่ชั้นใน ให้ออกมาว่าราชการบ้าง
กล่วกันว่า ในประวัติราชวงศ์ชิงนั้น
มีทั้งองค์ที่ออกราชการวันละ ๓ รอบ
และองค์ที่ ร่วม ๓๐ ปี ออกมาว่าราชการหนเดียว
การเข้าวังของคณะเราครั้งนี้
เดินตรงสู่ประตูอู่ที่ถือเป็นช่องสำคัญการเข้าข้างใน
จากนั้นจะได้ดูอะไรสักพักใหญ่
แล้วค่อยกินเที่ยงที่แคนทีนของวัง
แต่แล้วเกิดเหตุขัดข้อง บริษัททัวร์ยังไม่ได้จองตั๋วให้ได้เข้า
ทำเอาต้องยืนรอกลางแดดกันนานเกิน
ผมจึงขอปรับแผน เป็นกินอาหารง่าย ๆ ที่ริมทางระหว่างรอ
กว่าจะพร้อมได้เข้าจริงก็บ่ายโมง
เจอสายน้ำทอง "จินสุ่ย" ขวางหน้าเหมือนคันธนู
กับสะพานทั้ง ๕ เสมือนศรแห่งธรรม ๕ ดอก
ผมชวนเดินข้ามสะพานกลางแล้ววกกลับที่สะพานตะวันออก
เพื่อได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามสุด
จากนั้นจึงพาแว่บออกไปยังพระที่นั่งตะวันออก
ที่ทรงพระอักษร เรียนวิชาขององค์รัชทายาท
ซึ่งทุกวันนี้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เครื่องถ้วย
แล้วพาเลาะหลังไปยังหอสมุดแห่งวังหลวง
หลังเดียวที่มุงหลังคากระเบื้องดำ ไว้ข่มธาตุไฟไม่ให้ไหม้
จากนั้นจึงพาวกกลับมาเพื่อขึ้นท้องพระโรงไท่เหอ - จงเหอ - เป่าเหอ
อันเป็นที่ว่าราชการขององค์จักรพรรดิ
ครั้นลงจากฐานทั้ง ๓ ชั้น
ชี้ชวนดูที่ออกว่าราชการหลังม่านของพระนางซูสีที่กำลังซ่อม
ลงบันไดมังกรดั้นเมฆที่ใหญ่และยาวที่สุด
ออกไปทางพระตำหนังตะวันออกอีกรอบ
ตรงกำแพงมังกรทั้ง ๙
มีหมู่พระที่นั่งที่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์มหาสมบัติแห่งวังจักรพรรดิ
ก่อนที่จะทะลุหลังไปตามหาโรงงิ้วแห่งวังหลวง
ที่ว่ากันพระนางซูสีทรงโปรดมาก
และปลาบอกว่าไม่รู้จัก ไม่มี ถามใคร ๆ เขาก็ว่าไม่เปิดให้เข้าดู
แต่ผมก็พาไปจนได้เข้าไป
ว่ากันว่า เป็นช่องทางเดียวที่พระนางจะได้เห็นบุรุษมาสำแดง
แล้วยังเห็นบ่อน้ำที่พระนางให้ทิ้งพระสนมลงไปตาย
ในหมู่พระที่นั่งท่ามกลางสวนที่สวยมาก
พ้นจุดนี้ก็พอดีสุดมุมตะวันออกเฉียงเหนือของวังต้องห้าม
ผมพาเดินเลียบกำแพงด้านเหนือ
ไปวกเข้าตรงประตูกลางด้านหลังที่อุทยานและหอพระ
เจอพระที่นั่งสำหรับคัดเลือกนางสนม
แล้วผ่านอุทยาน กับ พระตำหนักที่จักรพรรดิปูยีเคยทรงพระอักษร
ข้ามออกไปฟากตะวันตก ตรงตำหนักซุสีไทเฮา
ที่ปลาบอกแต่ว่าไม่เปิด ๆ
แต่ผมก็พาไปเดินดูได้จนรอบ
จากนั้นจึงพามาออกที่ด้านหลังของไท่เหอเตี่ยน
เพื่อเข้าถึงที่สุดของวังต้องห้าม อันเป็นพระราชฐานชั้นใน
เจอคนนุ่งซิ่นสวยมากันเป็นคณะ
ถามได้ความว่ามากันจากคุนหมิง
จากนั้นก็พากันไปคารวะพระที่นั่งออกว่าราชการของฮ่องเต้
แล้วอ้อมหลังไปยังพระตำหนักคุนหนิง
ที่ฮ่องเต้อภิเษกกับฮองเฮา
รวมทั้งว่ากันว่าที่พระแท่นบรรทมถึง ๙ องค์
ไว้สำหรับสลับหลับนอนกับพระสนม
ที่จะถูกคัดสรรและส่งมาเสวย
สุดท้าย จะพาไปไหว้พระที่หอพระประจำวังกลางอุทยาน
ปรากฏว่าเขาไปเปิดข้างใน ได้แต่เวียนครึ่งวง
แล้วออกที่ประตูหลัง ผ่านเขามอที่สูงใหญ่ไม่น้อย
นอกประตูออกไป
เห็นศาลาบนเนินเขาดินที่ขุดทำทะเลสาบไว้
ว่ากันว่าเป็นที่ไหว้พระจันทร์ของฮ่องเต้
แต่ก่อนอยู่ในเขตวังต้องห้ามด้วย
ฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์หมิง
พาพระนางฮองเฮาขึ้นไปให้ดื่มยาพิษแล้วผูกพระศอปลงพระชนม์
ก่อนที่กองทัพแมนจูจะบุกมาพิชิตนครหลวงนี้ในที่สุด
กล่าวโดยสรุป
ทัวร์ทั่วไปจะพามาที่นี่ประมาณ ๑ - ๒ ชม.เท่านั้น
และพาเดินเฉพาะแกนกลางเป็นหลัก
แต่ผมพาเดินไป ๑ ใน ๓ แรกตรงแกนกลาง
แล้ววกออกไปด้านตะวันออกอีก ๑ ใน ๓
แล้ววกลับมาต่อแกนกลางอีก ๑ ใน ๓
จากนั้นจึงออกไปด้านตะวันออกอีก ๑ ใน ๓
ก่อนที่จะพาดไปฝั่งตะวันตกอีก ๑ ใน ๓
แล้วกลับมาจบกับแกนกลางที่ ๑ ใน ๓ สุดท้าย
น่าจะกำลังดี กับพระราชวังต้องห้ามที่ถูกใช้ร่วม ๔๐๐ ปีนี้
ได้ชื่อว่าเป็นหมู่อาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้
ทุกคนก็ดูเหมืนอว่าจะแทบหมดกำลังเดินกันได้อีกแล้ว.
รวมทั้งท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ด้วย.
๒๕ กย.๖๐