เพื่อแผ่นดินเกิด
- Details
- Written by Super User
- Category: เพื่อแผ่นดินเกิด
- Published: 30 March 2016
- Hits: 2029
รายงานจากมะริด-ตะนาวศรี ครั้งที่ ๒๙ ก่อนอวสาน ตามที่ตั้งโจทย์การไปมะริด-ตะนาวศรีรอบนี้ เพื่อสืบค้นหารอยลูกปัดและรอยแรกพระพุทธศาสนาที่มาถึงเอเซียอาคเนย์และไทย ที่อู่ทอง : แม่กลอง-ท่าจีน รวมทั้งหารอยไทยทั้งหลายด้วยนั้น แม้ไม่พบอะไรมากมายเท่าที่ควรจะพบ ทั้งที่ได้ผู้ช่วยนำทางระดับพระกาฬ ตัวแทนหอการค้ามะริดที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มาประจำอยู่ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบอนุญาตให้นำทางเป็นกรณีพิเศษ เข้าพักเรือนรับรองของเมืองตะนาวศรีที่ไม่เคยรับคนต่างด้าวมาก่อน มีนายอำเภอและนานาปราชญ์ รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี ศิลปวัฒนธรรมช่วยด้วย แต่ก็ถือว่าได้พบว่ายังไม่มีการพบอะไร ๑) ร่องรอยมนุษย์นั้นมีมาก่อนประวัติศาสตร์แน่ ดังที่ได้พบขวานหิน หลักฐานที่เก่าสุด อาจารย์ภูธรว่าคือศิวลึงค์หินประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๐ แต่ผมว่าลูกปัดอะเกตกับทองทั้งหลายที่อาจจะถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อประวัติศาสตร์ แต่ต้องมีอะไรมากกว่านี้จึงจะยืนยันรับรองได้ โดยเฉพาะที่ใต้เมืองตะนาวศรีที่ว่ากันว่าพบขึ้นมาเรื่อย ๆ หลังฝนตกหรือขุดดินทำอะไร รวมทั้งที่อื่น ๆ ที่มีแต่คำบอกเล่า ๒) รอยพระพุทธศาสนาแรกนั้นไม่พบอะไรนอกจากเรื่องเล่าและเสมาศิลาที่อาจเก่าก่อน แต่ที่สำคัญคือรอยพระพุทธศาสนาจาก "ไทย" ที่มากมายเต็มไปหมดโดยชาวพม่าก็ยังรักษาไว้ไม่เปลี่ยนแปลงจนหมดเค้า ไม่ว่าจะเป็นอารามวิหาร องค์พระและสถูป ๓) รอยที่พบมากที่สุดคือรอย "ไทย" นอกจาก "วัดไทย" แล้วมีคนไทย "ไม่พลัดถิ่น" อยู่ทั่วไป อะไร ๆ อีกหลายอย่างก็ล้วน "ปนไทย" ทั้งนั้น ที่สำคัญคือร่องรอยประวัติศาสตร์ที่สัมพันธ์กับไทยช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อปลายอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ ทั้งการค้านานาชาติ การขับไล่ฝรั่ง การเสียกรุง การกู้ชาติ การรับมือการไล่ล่าอาณานิคม จนถึงการฟื้นฟูชาติจนถึงทุกวันนี้ ๔) อีกรอยที่มีบทบาทไม่น้อยในดินแดนแถบนี้ของพม่า คือ "รอยนานาชาติ" ที่มีไม่น้อย นอกจากลูกปัด ศิวลึงค์ พระพุทธศาสนา แล้วยังมีอิสลาม คริสต์ แขก ฝรั่ง จีน แท่งโลหะที่อาจจะเป็นดีบุกทั้ง ๓ แท่ง ที่ตะนาวศรี อาจได้รับการรักษาและศึกษาให้ดีอาจบอกอะไรไม่น้อยเพราะบนนั้นดูเหมือนมีอักขระอาหรับอยู่ด้วย สุดท้ายนี้ขอลาด้วยชุดภาพที่หน้าท่าเมืองมะริด มองเห็นพระนอนในศาลาใหญ่บนเกาะปะติดปะต่อ คือองค์ที่บอกว่าหากมุดอุโมงค์ที่พระพุทธบาทบนวัดป่าจะมาโผล่ที่นี่แต่เขาอุดปิดรูแล้ว ท่าเรือมะริดวันนั้น พบ ๓ ป้ายระบุวิสัยทัศน์พันธกิจอย่างน่าสนใจมาก ว่า " Towards A New Modern Developed Nation" พอเดินลงไปแล้วหันกลับมาบนฝั่ง ตั้งป้ายประกาศอย่างนี้ว่า "Coastal Are Myeik Must be Clean and Pleasant" ทั้งที่เมื่อวานเย็นตอนน้ำลงที่เวียนมา ยังพบขญะอยู่เต็มไปหมด แต่หากเมื่อไรเครื่องติดและเข้าที่ พลังอันมหาศาลของเขา ไม่ว่าจะเป็นคนและทรัพยากรตลอดจนวินัยและศรัทธา ไทยเราห้ามประมาทเป็นอันขาด เฉพาะเรือประมงที่จอดท่าและออกหาปลาส่งไทยที่ระนองทั้งนั้น หากหันกลับมาที่มะริดหมด ระนองก็ร้างได้ในทันที อ่านป้ายที่สามแล้ว "พี่ไทย" ทั้งหลายอย่าได้ประมาท "Thaninthayi Division Should be the Oil Bowl of Myanmar" พม่าเขาพ้นภัยคุกคามของอังกฤษที่เข้ามาคุมและยุบชาติไปเป็นจังหวัดหนึ่งของอินเดียและดูดทรัพยากรไปเป็นร้อย ๆ ปีมาระยะใหญ่แล้ว มนต์ดำที่วางไว้ดังปรากฏบนด้านหลังเหรียญทองที่ระบุชัดว่า พระเจ้าจอร์จจอมจักรพรรดิแห่งอินเดีย มีจอมเทพขี่ม้าเทวดามาไล่ล่าทิ่มแทงพญานาคและมังกรของพวกเราอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต แถมถึงทุกวันนี้ ยังตั้งอยู่ระหว่าง ๒ มหาอภิอำนาจใหม่ของโลกคืออินเดียกับจีนแบบไม่ต้องง้อไทยเสียด้วยซ้ เฉพาะแหล่งหยกและทับทิมรวมทั้งสารพัดพลอยที่โมก๊อก (มงกุฎ) กับไข่มุกงามในทะเลอันดามัน ที่ผมเอากลับไปเป็นตัวอย่าง ก็เหลือแล้ว ไหนยังน้ำมัน ฯลฯ อีกมากมาย ที่สำคัญพระพุทธศาสนาของเขาก็ตั้งมั่นหนักแน่นกว่าไทยทั้งปริยัติและปฏิบัติ รวมทั้งการเผยแผ่ด้วย สุดท้ายของแถมสายสร้อยเชือกใส่หลอดทองที่พบในตลาดซึ่งทำให้นึกถึงนานาหลอดทองโบราณที่พบทั่วไปทั้งที่ตะนาวศรี ตลอดลงไปทั่วทั้งสองชายฝั่งของภาคใต้ประเทศไทย แต่ก่อนเขาคงใช้กันอย่างนี้กระมังครับ สำหรับกุหลาบช่อสุดท้าย ถ่ายได้ที่ซอกบ้านในตลาดตะนาวศรี สวยดี นึกถึงกุหลาบมอญที่คนไทยชองเรียกกัน ตอนหน้าจะจบด้วยเรื่อง "มอญ" ที่เคยเป็นเจ้าแถบนี้แล้วทนไทยกับพม่าไม่ได้ เพราะขาไปได้พบขุมคนมอญที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง.