เพื่อแผ่นดินเกิด
20210416_1 ชอบนี้ มหาปั่น-ท่านปัญญา กับ พูนบวช ... หลวงพ่อทวดไหม ? LoveThisPuppetOfTheMonksAndMaster
- Details
- Written by Super User
- Category: เพื่อแผ่นดินเกิด
- Published: 18 April 2021
- Hits: 466
ชอบนี้ มหาปั่น-ท่านปัญญา กับ พูนบวช ... หลวงพ่อทวดไหม ?
LoveThisPuppetOfTheMonksAndMaster
(bunchar.com เพื่อแผ่นดินเกิด 20210416_1)
ในรูปหนังจากหนังประเคียง ระฆังทอง เท่าที่มีอยู่
มีรูปพระอยู่ ๓ รูป คือ รูปที่หนังเคียงบอกไว้และผมจดมา
๑) มหาปั่น ท่านปัญญา ที่ผมจนเร็ว ๆ มาว่าท่านพันนั้นครับ
๒) พูนบวช
๓) ที่อยู๋หน้าท่านปัญญา หนังเคียงบอกแต่ว่ารูปพระ
แต่ผมเห็นเป็นหลวงพ่อทวดครับ
ส่วนอีกรูปหนึ่งนั้น เจ้าอะไรนึกชื่อไม่ออก
น่าจะอยากบวชตามเจ้าพูน เห็นเอาจีวรมาห่ม
วาน
หนังกุ้ง พงศธร ส้มแป้น
บอกถีส่วนเรื่องหนังเคียงเป็นคอมนั้น ลองอ่านนี้ที่
เจตส์ ตรังเค
บอกมาครับ... การมองโลกด้วยทฤษฎีทางสังคมตามลัทธิหนึ่งนั้น.
พอถึงระดับหนึ่ง ศิลปินก็สร้างศิลปะรับใช้มวลชน ดังที่รู้ๆกัน..
หนังประเคียง เรียนรู้ทฤษฎี "จัดตั้ง" ระดับใด ไม่ทราบ ?
แต่แกเรียนรู้ศิลปะการแสดงหนังตะลุงแนวมวลชนนี้
จากหนังหมุนนุ้ย ฉายาหมุนการเมือง..
บ้านหนังหมุนนุ้ย อยู่บ้านกะพังสุรินทร์ ติดกำแพงวัด
ที่เจ้าอาวาสเป็นเจ้าคณะใหญ่หนใต้ รูปปัจจุบัน.
เมื่อกระแสสังคมนิยมขึ้นสูงการแสดงของ
ทั้งหนังหมุน หนังเคียง ถูกรังควานจากขบวนการขวาพิฆาตซ้าย แรงขึ้นๆ
หนังหมุนถูกลอบยิงถึงบ้าน แกจึงหลบหนีเข้าป่า
ไปเล่นหนังในเขตพื้นที่สีแดง ทีมวลชนต้อนรับหนาแน่น และปลอดภัยกว่า
หนังเคียง โดนระเบิดถล่มโรง ในการแสดงแถวสุราษฎร์ฯ คืนหนึ่ง
แกรอด แต่ลูกคู่มือกลอง ชื่อแสวง
ซึ่งเป็นมือกลองจัดจ้านที่สุดในยุคนั้น
ยุคที่เริ่มมีกลอนชุดจากดนตรีสากล เข้ามาผสมวงดนตรีหนังตะลุงดั้งเดิม
หนังจูลี้ มอบมือกลองนายนี้ ย้ายจากโรงหนังจูลี้ มาอยู่โรงหนังเคียง.
และชีวิตเขาก็จบลงที่โรงนั้น.
ส่วนหนังเคียง เข้าป่าไปเล่นตามฐานที่มั่นบ้าง ตามหมู่บ้านมวลชนบ้าง.
หลังจากออกจากป่า มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ตามนโยบาย ๖๖/๒๓
หนังทั้งสองก็ยังแสดงแนวมวลชนเหมือนเดิม
แต่ลดศัพท์แสงลัทธิสังคมนิยมลงไป
การเสียดสีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและข้าราชการ แม้ยังมี แต่เพลาๆลง.
หนังหมุน หันมาเสนอเนื้อหาเชิงกฏหมายและศีลธรรม
หนังเคียง ก็เดินแนวธรรมะ-สังคม.
ตอนปลายๆ อ.สถาพร (ศิลปินแห่งชาติ)
ชักชวนหนังเคียง แสดงภาพยนตร์เรื่อง"ครูแก"
บทประพันธ์ของมนัส จรรยงค์
แกแสดงเป็นตัวสำคัญเสียด้วย บทบาทพ่อพระเอก
มีฉากสำคัญๆ ให้แกได้แสดงความสามารถหลายฉาก..
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ดันไปเข้าโรงพร้อมกับเรื่อง "โหมโรง"
ซึ่งเป็นหนังแนวเดียวกัน แต่โหมโรงมีเนื้้อเรื่องเป็นลูกกรุง
ส่วนครูแกเป็นเรื่องลูกทุ่งเมืองเพชร
แต่ใช้ฉากและเดินเรื่องแบบทางสงขลา-นครฯ
จึงไม่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ในหมู่ผู้นิยมหนังไทย
เพราะถูกความเป็นลูกกรุงของโหมโรง กลบรัศมีไปเสียสิ้น.
ผมมานึกว่า หนังไทยคุณภาพ เรื่องนี้ ไม่ดัง
เพราะ อ.สถาพร (ศิลปินแห่งชาติ)
ดึงผมไปเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์ นั่นเอง..อิอิ.ฯ
สงสัยจะเอาเรื่องครูแกและหนังเคียงมาลงโรงที่กำลังจะกลับมาเปิดใหม่
ใน #เทศกาลหนังเมืองคอน #แลหนังแล้วนั่งแหลง กันหล่าว
ไหมครับ
Managuard Singhapun
๑๖ เมย.๖๔ ๐๖๓๐ น.
บ้านบวรรัตน์ ท่าวัง เมืองนคร
