เพื่อแผ่นดินเกิด
- Details
- Written by Super User
- Category: เพื่อแผ่นดินเกิด
- Published: 05 October 2016
- Hits: 1548
Health Forum 2016 @ HaadYai
สร้างสุขภาคใต้ ๕๙ ที่หาดใหญ่
(bunchar.com เพื่อแผ่นดินเกิด 20161004_2)
แม่ครับ เมื่อวานนี้เต้ยกับโรจน์จับรถไปหาดใหญ่กันเพราะรับนัด อ.พงเทพ สถาบันวิจัยระบบสุขภาพภาคใต้ไว้ว่าจะไปเป็นวิทยากรดำเนินรายการเสวนาหาความคิดใหม่ ๆ เพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพภาคใต้ ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ มอ.ซึ่งมีคนใต้มาพร้อมหน้ากันราว ๆ ๑๕๐๐ คน
เพราะรถมีน้อย จึงรอจนเกือบ ๑๐ โมงได้ออก พอถึงควนลัง เต้ยเลยโทรหาผดุงเกียรติ ช่างปั้นหม้อที่เตาธรรมสากลซึ่งบรรจงแนะนำให้รู้จักจนคบกันมานานมากและเคยพาแม่ไปเที่ยวมาแล้วด้วย ให้ช่วยออกมารับที่วัดท่าสะท้อนแล้วส่งตรงที่ศูนย์ประชุมโดยไม่ต้องเข้าไปเวียนตลาดหาดใหญ่
ที่ศูนย์ประชุมปีนี้ เขาจัดหนัก เอาโขน นศ.มอ.มาเล่นเรื่องศึกอินทรชิตโดยไม่มีทศกัณฑ์ที่กำลังเป็นเรื่องมาลงโรงด้วย อธิการบดี มอ.ที่เคยไปสมัครเป็น อ.วลัยลักษณ์ตอนเต้ยรับผิดชอบบอกว่า นศ.เขาชอบเล่นกันก็เลยส่งเสริม อ.พงเทพบอกว่า เขาอาสามาเล่นไม่สนใจค่าอุดหนุนที่มีไม่มาก เอาเป็นว่า นศ.ก็ยังเป็น นศ. ใจอาสายังเต็มปรี่ ส่วนอธิการบดี ดร.ชูศักดิ์คนนี้ แกอยู่วลัยลักษณ์เดี๋ยวเดียวก็กลับ มอ. ยังกะรู้อะไรดี เพราะถ้าอยู่ต่อไม่รู้อย่างไรแล้วแหละ กลับมา มอ.ก็เลยได้เป็นอธิการบดีเลยครับ.
ส่วนผู้ว่าที่มาเปิดงานนั้น พอเดินเข้างานมา ก็ตรงมาหาเต้ย "หมอบัญชาครับ ผมเคยเป็นรองผู้ว่าเมืองนคร ไม่ค่อยได้ร่วมงานคุณหมอ แต่รู้จักคุณหมอดี" ก็ไม่รู้ว่าจะบอกอะไรนะครับ
หลังโขนจบเข้าสู่พิธีเปิดที่ทำแบบง่าย ๆ คือให้หลาย ๆ คนขึ้นไปร่วมร้องเพลงชาติกับเพลงสามัคคีประเทศไทย แล้วให้นายกอภิสิทธิ์ปาฐกถาพิเศษ ซึ่งก็กว้าง ๆ อย่างอภิสิทธิ์ที่เราคุ้น ๆ กันอยู่ โดยเต้ยไม่มีจังหวะทักทายอะไร ทั้ง ๆ ที่เมื่อวันเผาแม่ คุณอภิสิทธิ์ก็ไปมาเหมือนกันนะครับ
จบแล้ว อ.พงเทพก็ขึ้นสรุปสถานการณ์สุขภาพภาคใต้ มีพาดพิงมาที่เต้ยถึงแม่ด้วยแหละครับ เพราะ อ.บอกว่างานนี้เริ่มกับเต้ยเมื่อ ๑๐ ปีก่อน ตอนนั้นแม่คงจำได้ว่าพอเต้ยออกจากวลัยลักษณ์ ทาง สสส.ก็มาขอให้ช่วยทำชุดโครงการสร้างเสริมสุขภาวะในภาคใต้ แล้วออกมาเป็น "ดับบ้านดับเมือง เรียนรู้อยู่ดีที่ปากใต้" โดยใช้สุธีรัตนามูลนิธิเป็นร่มรับโครงการ ตอนนั้นชวนเพื่อนพี่น้องภาค NGO ประชาสังคม ชุมชน วิชาการ มาร่วมกันทำกับชุมชนกว่า ๑๐๐ แห่งทั่วภาคใต้ จนภาคอื่น ๆ เอาไปเป็นอย่าง และ หลายกรณีก็สานต่อมาจนถึงทุกวันนี้ จนต่อมา ก็ สสส.อีกนั่นแหละ มาขอให้เต้ยช่วยจัดกิจกรรมภาคีสัมพันธ์ทั่วประเทศเป็นเวทีสร้างสุขของแต่ละภาค ชวนโรจน์ไปทำกันทั่วแทบหมดแรง ตอนนี้ครบ ๑๐ ปีพอดี ของภาคใต้ ก็ได้ อ.พงเทพกับ มอ.เป็นฐานสำคัญที่สานงานมาถึงวันนี้ นี่คือเหตุผลที่เต้ยต้องรับลงไปร่วมด้วยช่วยกันทุกคราวที่ถูกเรียกใช้
ข้อสรุปของพงเทพที่ใครไม่ค่อยฟังนั้นน่าสนใจมาก ๆ เพราะสะท้อนถึงการขับเคลื่อนสุขภาวะในภาคใต้อย่างมีนัยสำคัญ คือ เขาทำตามที่ภาคประชาชนสนใจจะทำและทำกันมา ๘ ประเด็นขับเคลื่อน ผ่าน ๔ กลุ่มการขับเคลื่อน คือ ใต้บน ใต้กลาง ใต้ล่าง และ ใต้อันดามัน ผ่าน ๖ กลไกเครือข่ายการขับเคลื่อนที่มีพลวัต-อนิจจังอย่างน่าจับตามอง โดยในเวทีท้ายที่เต้ยเป็นคนดำเนินรายการเสวนากับ ๔ บุคคลต้นเรื่อง คือ บาบอฬุตฟีที่เคยร่วมงานกันตอนนายกอานันท์ตามไปช่วยเรื่องสมานฉันท์ นายกพงษ์ศักดิ์เมืองยะลาที่รู้จักบ้านพ่อและพี่ใหญ่-พี่ศรี ทวีวัตรจากชุมพรที่ร่วมงานมาตั้งแต่ดับบ้านดับเมือง แล้วก็หมอยอห์น จิระนคร ทายาทผู้อุทิศที่สร้างสารพัดถนนให้เมืองหาดใหญ่นั้น ก็พอสรุปได้ง่าย ๆ ว่า มีทั้งเรื่องเก่าที่เราไม่ทำกัน โดยเฉพาะเรื่องหลักคิดเกี่ยวกับชีวิต-สุขภาวะ ที่มีมิติกาย-ใจ-ปัญญา ไม่ว่าพุทธ ไม่ว่าอิสลามหรือศาสนาหรือชีวิตไหน ๆ หรือมีก็ไม่ค่อยทำกันจริงอย่างสมดุลย์สักที ในขณะที่นายกฯ ยะลา ยก ๖ C มาเสนอ แล้วเต้ยแบ่งเป็น ๒ คลัสเตอร์ คือ เชิงเป้าหมายมี Cleanliness&Comfort กับเชิงกระบวนการ Collaborative-Connectivity-Culture of Learning&Competitiveness ในขณะที่ทวีวัตรก็เสนอเรื่องเดียวโดด ๆ คือ กองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นที่มีอยู่แล้วครับ
เท่านี้ก่อนนะครับ เรื่องมันยาว ประเดี๋ยวจะไปเรียนรู้กับคนใต้ตลอดวันนี้เลยครับ ห่างจากพวกเขาไปนาน ปีนึงมาเรียนให้รู้ไว้ เผื่อจะคิดขับเคลื่อนงานธรรมอะไรออกมาได้อีก ที่สำคัญ ทางบ้านพ่อที่ยะลา-ปัตตานี ไม่รู้จะออกยังไงต่อ เมื่อวานนี้มีบาบอคนหนึ่งเข้ามาหา อ.ฬุตฟี ขอให้เร่งมือหน่อย ก่อนที่บางสายน่ากลัวจะเข้ากันมาป่วนกว่านี้.
๔ ตค.๕๙