รอยลูกปัด

ก็จะไปแวะกราบและหารือท่านจรันที่กำลังพักอยู่ที่สวี
หากไปถึงกลางวัน ท่านก็ยังเดินอยู่ 
ต้องค่ำมืดเมื่อท่านถึงที่และเสร็จสรรพกิจเสียก่อน

ประกอบกับได้รับคำสั่งจากชุมพรว่าให้ลงไปได้แล้ว
ด้วยผู้ที่เก็บรักษาของชุดนี้ไว้เรียกหาแล้ว

นอกจากจี้ตรีรัตนะคาร์เนเลียนกับเส้นที่ร้อยแล้ว
อีกเส้นกับเศษทองทั้งหลายนั้นไม่ธรรมดา
เฉพาะเม็ดหัวในเส้นที่มีเม็ดขาวดำสลับทองมากมายก็เพียงพอต่อการลงไปเยี่ยมเยียน

ด้านหนึ่งเป็นอักขระพราหมี ๔ ตัว
อีกด้านยังกะสิงห์ยกขาหาศรีวัตสะ
อีกด้านยังกะสิงห์ในหลอดหอยที่เคยพบเป็นตัว
อยู่กับเครื่องหมายที่อินเดียเรียกว่า Triangular โดยยังไม่รู้ที่มาและความหมายใด ๆ
ด้านที่สี่นี้ร้ายสุด ๆ มีกุณฑี กับอะไรไม่รู้ คล้ายเสา
ขนาบ ตรีรัตนะ ๔ ตัว-หัวเดียว อยู่

ส่วนเหรียญน้อยอันหนึ่งนั้น ฝากเก็บไว้นานจนลืม
มีตราประทับรูปดวงอาทิตย์ สัตว์สี่ขาคล้ายหมา แล้วก็น่าจะภูเขาสามลูก 
กับอะไรอื่นอีกยังดูไม่ออก เช่นเดียวกับด้านหลัง
เหรียญนี้ อยู่ในกลุ่ม Punch Mark Coin ที่ผลิตทำและใช้แพร่หลายในอินเดียโบราณ 
อาจเก่าถึงสมัยโมริยะ แต่ละตราระบุบอกว่าเป็นตราตีของเมืองอะไร เช่น อุชเชนี โกสัมพี ฯ 
ล้วนเป็นเมืองรุ่งเรืองมาแต่สมัยพุทธกาลทั้งนั้น

แล้วจะไม่ไปลงชุมพรได้อย่างไรกัน ?
ในเมื่อทุกอย่างช่างลงตัว ถึงชุมพร ๕ โมงครึ่ง
เสร็จธุระ แวะกินหอยทอดกับผัดไทยที่ตลาดโต้รุ่ง
แล้วไปถึงพระธาตุสวี ๓ ทุ่ม พอดีพระท่านจบแสดงธรรม
ถึงสวนโมกข์ ๕ ทุ่ม อาบน้ำนอนที่ริมสระนาฬิเก
ตืนตี ๔ มาทำวัตร กราบพระอาจารย์
หารืองานแล้วมานั่งเรือบินกลับ กทม.พอดิบพอดี.

อ้อ.เจ้าของเส่นนี้ เป็นเจ้าของเดียวกับเส้นที่อยู่ปกหลังหนังสืองานแม่ครับ
อีกอย่าง ได้เอาหนังสืองานแม่และเสื้อพ่อไปฝากน้อง ๆ ที่นั่นด้วย.

๒๑ ธค.๕๙