รอยลูกปัด

" ... ผมสงสัยมานานว่าการทำลูกปัดแก้วแบบขึ้นร้อนนี้ แต่ก่อนทำไง
... คุณหมอคิดว่าการขึ้นรูปแบบเย็นทำได้ไหม ? ... "

ถามไปถามมา เป็นอาจารย์จากราชมงคลฯ
ที่ร่วมกับภริยาทำการวิจัยและพัฒนาเรื่องนี้มาต่อเนื่อง
ตามงามาตั้งแต่รอบก่อนที่มิวเซียมสยาม !!!

แล้วก็ควักงานวิจัยและพัฒนาจากเซรามิคส์ออกมาให้ดู

ไอ้หยา มีทั้งลูกปัดตา - ยอ รวมถึงอิฐไส้ดำ ฯลฯ
แต่ท่านบอกว่ายังไม่พอใจ จะพัฒนาต่อ
ตามมาเติมไฟ เล็งอะไรไปหลายอย่าง

สำหรับผมนั้น สรุปบอกต้อม Sutida Mahawan ทันที
ว่านี้สำคัญ ๓ นัยยะ

๑) เป็นงานต่อยอดทั้งรูปแบบ เนื้อหา และคุณค่าสารพัด
๒) เป็นการพัฒนาเทคนิคการผลิตใหม่ออกมาได้รูปลักณะดียิ่ง
๓) เป็นเท็คนิคเย็น disrupt เลย

รวมทั้งได้บอกทั้ง ๒ อาจารย์แล้วว่า

" ... เจอนี้ ผมก็ถือว่าบรรลุเป้าในการมาจัดที่เชียงใหม่ตั้งแต่วันแรก
เพราะตั้งแตทำรอยลูกปัดออกมา วิเคราะห์วงการลูกปัดไทยไว้ว่า
วนอยู๋แต่กับความสวย เด่น เท่ ราคา และ ความขลัง
จะขยับเชิงประวัติศาสตร์ อย่างที่ผมปล้ำปลก ก็แสนยาก
ส่วนจะถึงขั้นผลิตใหม่ให้ได้ดี หรือ ยกระดับเชิงงานศิลปะ นั้นน้อยนัก ... "

งานนี้ ของ ๒ อาจารย์ จึงถือว่าจบได้เลย
ว่าแล้ว ว่าเชียงใหม่นี้ คือที่ทางของงานนี้ละมังครับ
ส่วนอีก ๒ อาจารย์วิจิตรศิลป์ มช.ที่มาเล็ง ๆ จะมีอะไรตามมานั้น
ท่านใดรู้กรุณาบอกด้วยครับ

ขอบคุณทุกท่านทุกฝ่ายทุกคนครับ
ขยับอะไรกันไปถึงไหน บอกบ้านนอกเมืองนครที่ด้ามขวานด้วยนะครับ

๕ กพ.๖๓ ๒๒๓๓ น.
บ้านท่าวัง สะพานควาย กทม.