การพระศาสนา

เมื่อสงกรานต์ปีก่อน ได้รับคำชวนจากพระนครหลายรูปว่า

" ... เมืองนครเรานี้มีพระสีหิงค์สูงค่า

แต่ว่าการบูชาในงานตรุษสงกรานต์ยังไม่ได้ ... "

พระท่านบอกว่า ปีนี้จะหาหนทางขอทางการเข้าไปมีส่วนร่วมบ้าง

เห็นทางพระนครกับเชียงใหม่ที่มีอีก ๒ สีหิงค์สำคัญของชาติจัดกันเลอล้ำกว่ามาก

ข้างฝ่ายนครบ้านเรา ที่ถือกันว่าเป็นต้นทางการมาถึงขององค์สีหิงค์ กลับงั้นเสีย

เมื่อวันเลี้ยงพระ #ทำบุญครบปีน้าพา ก็เลยปวารณาว่าจะรร่วมสนองงานพระท่าน

ว่าแล้วก็เลยโทรถึงนายกโจแห่งเทศบาลนครนคร

ถามว่าสงกรานต์ปีนี้ทางเทศบาลเตรียมไว้แล้วประมาณไหน

นายกบอกว่า มีงาน #แห่นางดาน ที่กลับคืนมาฟืนกัน นอกนั้นยังอย่างเดิม ๆ

ก็เลบบอกว่า #คณะสงฆ์เมืองนคร ขอโอกาสมีส่วนร่วมถวายองค์สีหิงค์ได้ไหม

โดยมีท่าน พระมหาบวร ปวรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดบุญนารอบ รองเจ้าคณะอำเภอเมือง

ช่วยเจรจานำให้

บ่ายวานนี้ท่านนายกมอบท่านรองกับคณะของเทศบาลให้เข้าไปร่วมหารือ

นำโดยท่าน โค้ช พระครู พรหม จต.พระพรหม

กับพระครูเหมฯ โสพิทร์ แซ่ภู่ รอง จอ.วัดพระธาตุ

ที่กราบเรียนท่าน เจ้าคณะภาค ๑๗ ธรรมยุติ

และพระครู Siridhammapirat Yodkhun จจ.ธรรมยุติแล้วอนุโมทนามา

ส่วนท่านเลขา จจ. ณัฐพัชร ยืนยาว และ ผช.เลขา จจ. สุธรรมรัตน์ สุจิณฺโณ

กราบเรียนท่าน จจ.มหานิกายแล้ว แต่ติดกิจไม่ได้มาด้วย

ขณะที่ท่าน พระมหาบวร ปวรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดบุญนารอบ ก็ติดกิจ

ท่าน โค้ช พระครู พรหม เกริ่นนำ กับท่านพระครูเหม โสพิทร์ แซ่ภู่

ถึง #ความสำคัญของพระสีหิงค์สำหรับคณะสงฆ์เมืองนคร

แล้วผมจึงเล่าต่อว่า #การแห่แหนพระสีหิงค์สงกรานต์ทั่วประเทศไทยนั้นไปจากเมืองนคร

จากรานงาน #พระราชพิธีตรุษเมืองนคร ของท่าน อ.วิเชียร ณ นคร

รายงานว่าการแห่เชิญพระสีหิงค์ในพิธีตรุษสงกรานต์ที่ทำกันมาจนทั้งประเทศนั้น

เมื่อครั้งต้นรัตนโกสินทร์ พ.ศ.๒๓๓๖ สมัยรัชกาลที่ ๑

และคือองค์ที่ #เชิญพระไตรปิฎกจากเมืองนครไปทำพระไตรปิฎกประจำพระนคร

ได้ให้พระครู ๔ กา แห่งเมืองนคร ทำรายงานว่าด้วย #ตำราพระราชพิธีตรุษ เข้าไปยังพระนคร

โดยต่อมา #ล้นเกล้ารัชกาลที่_๕ ทรงแสดงไว้ใน #พระราชนิพนธ์พระราชพิธีสิบสองเดือน ว่า

" ... พีธีนี้ ... #คงจะเป็นเมืองนครศรีํธรรมราชได้รับมาก่อน #ด้วยเมืองนครศรีธรรมราชปรากฏแน่ชัดว่าเป็นเมืองประเทศราชใหญ่มาช้านาน มีหลักฐานที่ควรจะอ้างอิงหลายแห่ง ... คงจะเป็นใหญ่มาก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยาโบราณ แต่ที่กรุงจะไปรับต่อมาอีกเมื่อใดคราวใดไม่ได้ความปรากฏ เชื้อสายของพิธีกรรมในเมืองนครศรีธรรมราชก็ยังมีติดต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ เมื่อข้าพเจ้าไปเมืองนครศรีธรรมราชคราวนี้ก็ลองให้พระสงฆ์ที่วัดหน้าพระลานสวดภาณวารและภาณยักษ์ ทำนองภาณวารมีเสียงเม็ดทรายทำนองครุคระมากขึ้นกว่าทำนองภาณวารในกรุงเทพนี้มาก ... "

ที่สำคัญยิ่งคือว่า ท่านพระครูเหม โสพิทร์ แซ่ภู่ ได้สำรวจศึกษา #พบต้นฉบับหนังสือบุด

ฉบับที่คณะสงฆ์สี่กาถวายไปยังพระนครเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๑ แล้วครับ

มีอธิบายพระราชพิธีตรุษของเมืองนครที่เป็นต้นแบบของทั้งพระนคร

รวมทั้งที่เชียงใหม่เอาอย่างไปอย่างครบครับ

หารือกันแล้ว ทางเทศบาลแจ้งว่าปีนี้เตรียมการไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว

มีงาน ๔ วัน วันแรกพิธีบวงสรวงอย่างพราหมณ์

วันที่ ๒ สวดเสกน้ำมงคล

วันที่ ๓ หรือ ๑๓ เมษา #มหาสงกรานต์

มีแห่พระสีหิงค์มาสมโภชและสรงน้ำกันที่หน้าเมือง

วันที่ ๔ หรือ ๑๔ มีแห่นางดาน ฯลฯ

ที่พอปรับเพื่อการเข้าร่วมด้วยในปีนี้

คือ #การประดิษฐานพระสีหิงค์ขึ้นเบญจา

ที่คณะสงฆ์นครขอมีส่วนร่วมปรับเบญจาให้งดงามสมพระสีหิงค์นคร

ส่วนรถแห่หากเทศบาลเห็นสมควร

อาจลองพิจารณาเรือพระเมืองนครที่งามพร้อมสักองค์พลางก่อนก็ได้

แต่ขอไปหารือท่านนายกกันก่อน

ตกลงกันเป็นเบื้องต้นว่าปีนี้ จะร่วมเฉพาะนี้กันครับ

กับปรับ #กระบวนการสมโภชพระสีหิงค์เล็กน้อย ให้เข้าการยิ่ง ๆ ขึ้นครับผม

น้าพาครับ ยุพา บวรรัตนารักษ์ แม่ครับ คุณตาคุณยายยาวถึงคุณทวดเทียด

การนี้เพื่อพระท่านพร้อมพอและทางเทศบาลก็สะดวกใจให้พระท่านเข้าร่วม

พวกเราก็เลยปวารณาถวายงบประมาณพระท่านไปจำนวนหนึ่งเพื่อพอในการนี้นะครับ

ทั้งนั้นนี้ทั้งเพื่อ #ถวายพระพุทธสีหิงค์แห่งเมืองนคร #เพื่อการพระศาสนา

และ #ถวายพระเมืองนครที่ท่านทำงานกันมากเหลือเกิน

จะได้เจริญบารมี รวมทั้งเมืองนครก็ได้เจริญ ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นในทางพระพุทธศาสนาครับ

รายละเอียดอื่น ๆ โปรดติดตามต่อไปว่าจะออกมาประมาณไหน

แต่ที่ได้เริ่มกันนี้ก็ถือ #เป็นมิ่งมงคลเมือง แล้วครับผม

ท่านใดประสงค์มีส่วนร่วม ถามตรงที่พระแต่ละรูปที่เอ่ยนามท่านไว้ข้างต้นครับผม

๑๗ มีนา ๖๖ ๐๖๓๓ น.

บ้านบวรรัตน์ ท่าวัง เมืองนคร