การพระศาสนา
- Details
- Written by Super User
- Category: งานศาสนา
- Published: 11 July 2017
- Hits: 1305
กว่าท่านอาจารย์จะดับได้สิ้นเชิง
Till Our Master Totally Passed Away
(bunchar.com การพระศาสนา 20170708_2)
ขอแชร์อย่างนี้ว่า...
ก่อนหน้าวันที่ ๘ กค.๒๕๓๖ ๔๐ กว่าวัน ขณะตื่นเช้ามานั่งเตรียมปาฐกถาล้ออายุในหัวข้อ "ศีลธรรมของยุวชน คือสันติภาพของโลก"
อยู่บนเตียงในกุฏิที่แปลงมาจากส้วมที่สวนโมกข์ไชยา ท่านอาจารย์เรียกท่านสิงห์ทองที่ยังหลับอยู่ข้างเตียงแล้วบอกว่า "ทอง...เรากำลังจะตาย"
แล้วท่านสิงทองไม่เชื่อ เพราะ "ก็ท่านอาจารย์นั่งเขียนหนังสืออยู่" จากนั้นกระบวนการตายของท่านก็ตรงไปตรงมา
กล่าวคือเกิดเส้นเลือดใหญ่ในสมองแตก แล้วท่านก็ค่อย ๆ หมดสติท่ามกลางการบริกรรม "มหาปรินิพพานสูตร" ของท่านเองเมื่อรู้ว่าเวลามาถึง อย่างที่เคยสอนพวกเราเสมอว่า "ต้องว่องไวและคล่องแคล่วในการตกกระใดพลอยกระโจน"
ตอนสายของวันนั้น ผมได้รับโทรศัพท์จากท่าน อ.โพธิ์ ว่าท่านอาจารย์ป่วยหนัก ให้บอก อ.หมอประเวศแล้วรีบเข้าไปที่สวนโมกข์ พอดีวันนั้น ท่าน อ.หมอประเวศมีกิจอยู่ที่เมืองนคร และผมกำลังจะพา อ.นอนที่เรือนแม่ในสวนธรรมรักษา ปันตวัน จึงต้องเปลี่ยนกำหนดการ ด้วยพากันตรงไป รพ.สุราษฎร์ ซึ่งท่าน อ.ถูกนำไปดูแลอยู่ พวกเรากับหมออีกสามสี่คนได้ตรวจดูแล้วสรุปว่า เวลามาถึงพร้อม เพราะ "สมองของท่านอาจารย์ไร้สิ้นซึ่งการรับรู้และสนองตอบใด ๆ ม่านตาขยายนิ่ง สิ่งแสดงการสนองตอบจากสมองต่าง ๆ หมดสิ้นแล้ว"
ท่าน อ.โพธิ์ จึงสั่งการให้เตรียมการงานศพ เมื่อท่านอาจารย์ค่อย ๆ ดับลงตามสังขาร โดยจะเชิญท่านกลับสวนโมกข์ในวันรุ่งขึ้น อ.หมอประเวศขอกลับไปสะสางการงานที่กรุงเทพ เช่นเดียวกับผมและพี่หมอสมศักดิ์ที่ผมชวนไปด้วยก็ขอกลับไปสะสางงานที่เมืองนคร แล้วจะรีบตรงไปไชยาทันที
ครั้นวันรุ่งขึ้น ได้รับสายจากท่าน อ.โพธิ์ บอกว่า ยังไม่ต้องไปไชยา เพราะคณะแพทย์ศิริราชลงมาจาก กทม.พร้อมท่านปัญญา และกราบเรียนว่า "ท่านอาจารย์ยังไม่ถึงเวลา แถมยังสามารถรักษากลับมาสอนธรรมะได้ คณะสงฆ์แห่งสวนโมกข์จึงยินยอมพร้อมใจให้นำท่านเข้ากรุงเทพ" ซึ่งพวกเรานั้นงงมาก
ด้วยเหตุและปัจจัยที่เป็นไป โดยที่คณะศิษย์ขอคณะแพทย์ว่า "ถึงอย่างไรก็อย่าลากสังขารของท่านอาจารย์ โปรดรักษาปณิธานของท่านอาจารย์ให้พวกเราด้วย" หลังจากคณะแพทย์ศิริราชพยายามลากอยู่ ๔๐ กว่าวัน และคณะศิษย์ได้ส่งจดหมายน้อยเตือนว่าได้มอบให้ท่านทำการมามากแล้ว หากอย่างไรก็อย่าลาก จู่ ๆ ของดึกดื่นคืนวันที่ ๗ ต่อเช้าวันที่ ๘ กค.๒๕๓๖ คณะแพทย์จึงแจ้งด่วนว่า ท่านอาจารย์ยังไม่สิ้น แต่จะนำท่านกลับไชยาอย่างเร่งด่วนในเช้านี้ด้วยเที่ยวบินพิเศษ
ท่ามกลางความโกลาหลที่บอกชัดว่าคณะแพทย์ยื้อไม่ไหวแล้ว ร่างท่านอาจารย์ที่สำหรับผมแล้วนั้น สิ้นแล้วตั้งแต่วันโน้น จึงได้รับการลำเลียงพร้อมท่อระโยงระยางข้ามฟ้ามาท่าข้ามแล้วส่งด่วนสู่กุฏิส้วมที่สวนโมกข์ แล้วอาจารย์หมอศิริราชที่รับรองตอนนำท่านไปและมาด้วยก็ตั้งโต๊ะเตรียมแถลงข่าวว่านำท่านอาจารย์คืนสู่สวนโมกข์เรียบร้อยแล้วและยังไม่สิ้น
ทันใดนั้น มีหมอท่านหนึ่งในสุราษฎร์ซึ่งเป็นหลานท่านอาจารย์ที่ไปร่วมรับร่างถึงที่สนามบิน และร่วมทางมาในรถ แจ้งว่า "ท่านอาจารย์สิ้นแล้วครับ" จากนั้นพวกเราทั้งหลายจึงได้รีบเดินทางกันไปทำหน้าที่กันที่สวนโมกข์ไชยาโดยไม่ชักช้า หลังจากรอกันมากว่า ๔๐ วัน
บันทึกไว้เป็นก่อที่จะเลือนเสีย.
๘ กค.๖๐