logo_new.jpg

Mee-Pooh Life Diary for this Vesak Day 
ไดอารี่ของหมีภู เนื่องในโอกาสวิสาขปุรณมีนี้
(bunchar.com บัญชาชีวิต,การพระศาสนา 20160520)

ผมติดตามพ่อภูชนกคนนี้มาตามลำดับ
ทราบมาว่าครั้งหนึ่งหรืออาจจะมากกว่าหนึ่ง
เธอก็เคยเดินทางมาเยี่ยมและเยือนสวนโมกข์กรุงเทพที่พวกเราร่วมกันทำ

เห็นนั่งรับประทานอาหารอยู่ที่ลานหินโค้ง
ตรงภาพชุดพุทธปรินิพพาน งามมาก

เมล์แรกที่อ่านและผ่านตาอย่างจดจ่อวันวิสาขนี้คือเมล์นี้
อ่านแล้วน้อมเข้ามาสู่ตัว และขอนำมาแบ่งปันเพื่อชวนกันน้อมเข้าสู่ใจ
ว่าหากเป็นเรา จะทำได้เท่าที่เธอทำได้ไหม ?

ผมยังเชื่อมั่นในฝันของหมีภู แม้ของผม
และผมก็ยังอยู่กับปัจจุบันที่ถึงแม้จะยังไปไม่ถึงตามที่ฝัน
มุ่งมั่นกันต่อไป ตามเหตุแห่งปัจจัย ให้ดีที่สุด ณ ขณะนี้ 
และยอมรับความ "ธรรมดา" ที่เป็นไปอย่างนั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น
ไม่เมื่อนี้ก็เมื่อนั้น
ทั้ง "สมมุติ" และ "สัจจะ"

โยนิโส มนสิการ กันไว้ให้มาก ๆ นะครับ

วิสาขบูชา ๒๐ พค.๕๙
หลังใส่บาตรเช้าวัดศรีทวีแล้ว

.................................

แชร์จาก fb : Me Pooh Poochanok

Diary 19/05/2016

ไม่มีอะไรเป็นเหตุการณ์ใหม่ ผมจะลองบอกถึงสิ่งที่ผมคิดมั่ง

ย้อนกลับไปปลายปีที่แล้ว ผมกำลังจะออกเดินทางตามความฝันที่ผมวางแผนมานาน ผมจะสร้างสิ่งยิ่งใหญ่ ผมจะสร้างนวัตกรรมทางงานข่าว เสร็จแล้วผมกลับเป็นมะเร็งในตับ ไม่เบาด้วย ความฝันผมดับสลายในพริบตา แต่ตอนนั้นก็ยังคิดแต่ว่าขอรักษาชีวิตไว้ก่อน

กอดความหวังไว้กับตัว การรักษาไปได้ดีทีเดียวจนมะเร็งลุกลาม มากระดูกสันหลังกระทบระบบประสาทตั้งแต่เอวลงไปนี่ยังนิ่งสนิท ฝันจะเป็นนักเดินทางผู้เป็นมะเร็งอันแข็งแกร่ง การสร้างโครงการหยุดยั้งคนเป็นมะเร็งที่ผมวาดฝันไว้ มันต้องพับไปอีก ถึงขั้นเรึยกว่า ร่างกายไม่ปกติ

ผมนอนไม่หลับยาวนานมาก กลางวันตื่นกลางคืนตื่น แต่ไม่เคยร้องไห้ มันร้องไม่ออก ผมร้องแค่ตอนหันไปมองคนที่รักเราเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่เคยมีใครเห็น ความคิดวนเวียนอยู่ที่จะอยู่หรือจะตายแค่นั้น สมองเคยคิดว่าถ้าต้องอยู่ในสภาพช่วยตัวเองไม่ได้ก็ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว ไม่ได้เข้มแข็งมากเหมือนตัวหนังสือ

สมองผมสู้กันเอง จะสู้หรือจะถอย ผมเห็นภาพสองแนวทาง คือ งานศพตัวเอง หรือ ตัวผมเองที่นั่งบนรถเข็นด้วยความเฟี้ยวฟ้าว จะลุกเดินได้เหมือนปกติหรือนอนเป็นผักรอแช่น้ำ แต่ผมก็นอนฝันทุกวันก่อนตื่น ในฝันผมเดินได้ทุกครั้งไป

วันหนึ่ง ผมบอกแม่ว่า สู้ไม่ไหวแล้ว แม่ตอบว่า สู้เถอะ อยู่เป็นเพื่อนคุยกับแม่ก็ยังดี

ผมหันไปซ้ายขวายังไงผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ครอบครัว ญาติ ผู้หญิงที่เคียงข้างกันมา พรรคพวก เพื่อน พี่ น้อง ครูบาอาจารย์ มาเยี่ยมกันเยอะมาก มากกว่าทีคิดไว้ทั้งที่ตอนปกติผมแทบไม่มีเวลาพูดกับใครเลย แล้วจิตใจก็ฟื้นขึ้น

ฟื้นขึ้นแบบราบเรียบ กินอิ่ม นอนได้ ไม่เจ็บไม่ปวด ยังคิดเสมอว่าร่างกายเช่นนี้จะทำอะไรได้บ้าง ตัวหนังสือจะมีคุณค่าพอไหม?

กลายเป็นสารเสพติด ไม่พิมพ์ไดอารี่เหมือนไม่ได้ทำหน้าที่ที่ควรทำ

Joomla templates by a4joomla
rtp slot https://www.sidiap.org/rtp-live-slot//