logo_new.jpg

(ส่งใหม่ ใส่รูปที่หายไปครับ)
ตกลงผมจะแปลไล่ไปเรื่อย ๆ ตามที่ "บอกให้ทำ" นะครับ
พรุ่งนี้จึงจะได้ตอบคำถามว่าทำไม 
"ลูกปัดเขียนลาย" จึงได้ร้าวนัก

ทั้ง ๒ ท่าน (อ.เอียน กับ ดร.เบเรนิซ) ระบุว่า หลังจากนั้นดูเหมือนว่า "ลูกปัดเขียนลาย" จะหายไปจากวงการโบราณคดีค่อนข้างนาน รวมทั้งที่พบก็แปลกและแตกต่างออกไปจนเชื่อกันว่าด้วยเทคนิควิธีทำที่ "พิเศษ" และ "การปรับเปลี่ยนไปเรื่อย" นี้เองที่เป็นต้นเหตุ จนแม้ทุกวันนี้ก็ดูเหมือนว่ายังมีพบแบบแปลก ๆ และแตกต่างจากที่ Beck และ Mackay เคยพบเห็น โดยเฉพาะในระยะหลังมานี้ไม่กี่ปี (เขียนเมื่อ คศ.๒๐๐๓) ที่เริ่มมีงานการศึกษาค้นคว้ารายงานออกมามาก โดยนำนานาทัศนะวิทยาการมาประกอบ ไม่ว่าจะ อัญมณีวิทยา และ แร่ธาตุวิทยา ว่าด้วยการผลิต

บทความนี้จำกัดขอบเขตการศึกษากับ "ลูกปัดเขียนลาย" ที่พบในระยะ ๒๐ ปีที่ผ่านมา (ประมาณปี คศ.๑๙๘๐-๒๐๐๐) หรือที่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดีในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และเอเซียตะวันออกเพื่อเปรียบเทียบกับที่พบและรู้กันดีแล้วในเอเซียใต้ โดยเท่าที่มีรายงาน ก็พบใน จีนตะวันตกเฉียงใต้ เวียตนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า และ ไทย โดยไม่พบในจีนตอนเหนือ เกาหลีและญี่ปุ่นซึ่งมีงานการขุดค้นศึกษามากพอที่จะสรุปได้ ส่วนในลาวและเขมรที่มีรายงานน้อยนั้น อาจเพราะยังมีการศึกษาค้นคว้าน้อยก็เป็นได้

ในบทความ ระบุว่าลูกปัดเขียนลายที่พบใน SEA (เอเซียอาคเนย์) ส่วนใหญ่อยู่ในแบบที่ ๑ ของ Beck (คือทั้งสามกลุ่มในตาราง) ด้วยการเขียนลายขาวบนพื้นหินสีส้มหรือดำ (มากกว่าร้อยละ ๙๐) โดยประมาณร้อยละ ๗๕ เป็น "เส้นสีขาวบนพื้นดำ" ของหินอะเกต และที่สำคัญ ดูเหมือนว่า "หินอะเกตสีดำที่ถูกเขียนลาย" ที่เราพบใน SEA นั้นผ่านการ "ทำให้ดำขึ้น" อาจจะด้วยวิธีใช้น้ำเชื่อมออกซิไดซ์ (oxidised sugar solution method) จนดำเข้มกว่าอะเกตตามธรรมชาติ ทั้งนี้ส่วนใหญ่แล้ว อยู่ในกลุ่มแบบ B คือประมาณ พศต.๓๐๐ - ๘๐๐ แม้จะมีบ้างที่อยู่ในแบบ A และ C

อีกอย่าง ในงานนี้ขอไม่รวมกลุ่มลูกปัดทิเบต หรือ Dzi และ Pumtek หรือ Chin ของพม่า

ทั้งนี้ ในบทความได้ลงภาพบางลูกปัดประกอบ ดังนี้

ภาพที่ ๓ - ๕ เป็นลูกปัดเขียนลายที่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดีที่บ้านดอนตาเพชร อ.พนมทวน กาญจนบุรี

ภาพที่ ๖ รูปบน เป็นลูกปัดสามสี พบที่บ้านโคกสำโรง อู่ทอง ของป้าเซี้ยม รูปล่าง ระบุว่าพบที่ทุ่งเกดเชต ในนครปฐม (๒ รูปนี้ อ.เอียนบอกว่า อันแรกถ่ายจากคนขายข้าวหมูแดงในตลาดอู่ทอง อันหลังของแม่/พ่อค้าขายพริกไทย ซึ่งเขาเอาไปเป็นตรายี่ห้อพริกไทยของเขาด้วย เท่าที่ทราบทุกวันนี้เพิ่งเปลี่ยนมือไปอยู่ที่สระแก้วแล้ว)

ภาพที่ ๗ เป็นรูปคนหาลุกปัดที่คลองท่อม กับ นานาลูกปัดที่เขาสามแก้ว

ภาพที่ ๘ รูปบน เป็นสามสีบอกว่าจาก Likiang ในทิเบต ทุกวันนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ที่ Glasgow ในรูปที่มีหลายเม็ด พบที่ยูนนาน

ภาพที่ ๙ เป็นลายมาก ๆ พบที่จังหวัด Long An ที่ปากแม่น้ำโขงในเวียตนามใต้ (ผมได้ไปขอดูจากคลังพิพิธภัณฑ์ม่เมื่อปลายปีก่อน-บัญชา)

ภาพที่ ๑๐ พบที่ถ้ำ Manunggul ที่ตาบอนบนเกาะปาลาวัน ฟิลิปปินส์

ภาพที่ ๑๑ พบที่เกาะ Talaud อินโดนีเซีย

ภาพที่ ๑๒ พบที่ Halin และ ฺฺBinnaka ในพม่าตอนเหนือ

 

ดูกันพลาง ๆ ก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะต่อเรื่องผลการวิเคราะห์เจาะลึกเพื่อตอบคำถามที่ว่า ทำไมจึงร้าวนัก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Joomla templates by a4joomla
rtp slot https://www.sidiap.org/rtp-live-slot//