บัญชาชีวิต
- Details
- Written by Super User
- Category: คุยกับหมอบัญชา
- Published: 03 April 2016
- Hits: 1242
83th Anniversary Another Dharma Leader
๘๓ ปี สศษ. อีกแม่ทัพธรรม ผู้แข็งขัน
ร่วมกับท่านอาจารย์ที่สวนโมกข์
เมื่อวานนี้พี่ชายผมไปดูละครที่ท่านอาจารย์แสดงเอง
เช้านี้ อ.อ้าย อีกกัลยาณมิตร กราบท่านอย่างที่ขอเอามาส่งต่อ
ส่วนผมเองนั้น นิยมงานอาจารย์มาตั้งแต่เด็กน้อยเพราะที่บ้านมีวิทยาจารย์และสังคมศาสตร์ปริทัศน์อย่างไม่น่าเชื่อ พอเติบโตก็ติดตามและรับเป็นหนึ่งใน "ตัวแบบ" แม้เมื่อเปิดนาคร-บวรรัตน์ แล้วอะไรต่อมิอะไรก็ได้รับเมตตาจากอาจารย์สารพัด จนจับพลักจับผลู ถูกตามเข้าไปอยู่ในวงเวียนของมูลนิธิโกมลคีมทอง ก็เลยเวียนวนกันอยู่ถึงทุกวันนี้ แม้อาจารย์จะวางมือไปหลายเพลาแล้ว
ที่สำคัญงานสวนโมกข์ที่กรุงเทพ ท่านบอกผมว่าให้เป็นหน้าที่ของพวกผม
ตอนจะครบ ๑๐๐ ปี ท่านอาจารย์ อาจารย์ยังบอกว่าหน้าที่หมอ โดยเฉพาะการเสนอชื่อยูเนสโก ซึ่งตอนนั้นก็กะว่าน่าจะให้ มอ.เป็นผู้เสนอ แต่ทำไปทำมา อ.บอกว่า ดูท่าจะไม่สำเร็จ ผมจึงกราบนิมนต์อาจารย์ ซึ่งท่านก็เสกสำเร็จ โรงเรียน สศษ. อย่างที่เสกมาแล้วนับไม่ถ้วน
ที่ผมชอบมาก ๆ และ เล่าถึงอาจารย์เป็นกรณีศึกษาเรื่อย ๆ ในฐานะ "บุคคลต้นแบบหนึ่งของผม" ขอบอกต่อเพื่อคารวะวันนี้ สัก ๒ เรื่อง
๑) เมื่อสมโภชอายุเท่าไหร่จำไม่ได้ ๖๐ หรือ ๗๒ ปีจำไม่ได้ มีการเสวนาใหญ่ที่ผมอยู่ตลอดงาน จำไม่ได้อีกเหมือนกันว่าใครเป็นผู้เสนอว่า คุณูปการของ สศษ.คือการเป็บปูชนียบุคคลที่สี่แยก กล่าวคือใคร ๆ ก็ต้องผ่าน แต่ยากที่จะอยู่ด้วยได้นาน ผมเองก็อาจจะเข้าข่ายในลักษณะนั้นครับ
๒) เมื่อพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ รัฐบาลอินเดียให้ Asoke Mission จัดชุมนุมสัมมนาชาวพุทธทั่วโลกที่นครเดลี แล้วผมถูกเชิญไปร่วมด้วย วันเดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะกำลังไปถึงและจะเช็คอิน ท่านอาจารย์ก็มาถึง ต่อด้วยทัตตชีโวและคณะก็มาไล่เลี่ยกัน สศษ.ไม่รอช้า เดินเข้าไปทักทายโอภาปราศรัยอย่างองอาจดังลั่นว่า "เที่ยวนี้มี...ร้ายไปกับเราด้วย" ทำเอาคณะนั้นค่อย ๆ ปลีกหลีกไปเช็คอินเคาน์เตอร์อื่นทันที
กราบ สศษ.ขอรับ
Somrit Luechai