เพื่อแผ่นดินเกิด

เฉพาะที่พระธาตุนั้น ได้ชี้ชวนชมมหาสาละอินเดีย
พาเข้าสักการะรูปพระนางเหมชาลา 
เรียนรู้ภาพยนต์และพระม้าในหรพระม้า
พาประทักษิณรอบทับเกษตร
ชมพิพิธภัณฑ์แล้วขึ้นลานบนวิหารโพธิ์ลังกา
สนุกสนานกับพระแอด
แล้วไปสักการะพระศากยมุนีศรีธรรมราชในพระวิหารหลวง

ส่วนที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาตินั้น
ได้ดูเครื่องดนตรีสมัยหินชุดสำคัญ
ต่อด้วยกลองมโหระทึกสมัยสำริดพร้อมพานสวยใบหนึ่งกับสร้อยลูกปัดเส้นนั้น

จากนั้นจึงเข้า ๒ ห้อง ที่เขาจัดเป็นพราหมณ์กับพุทธ
แต่ในที่นี้ขอเรียงภาพใหม่ตามยุคสมัย
เริ่มจากพระพุทธรูปสำริดอมราวดีพบที่สิชล จอมทอง กับพระพิมพ์ดินดิบปางมหาปาฏิหาริย์ พบที่บ้านกำแพงถม แล้วก็ธรรมจักรดินเผาพบที่วัดมเหยงคณ์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มรอยพุทธแรก ๆ ของเมืองนครเมื่อประมาณ ๑,๕๐๐ ปีก่อนโน้น

ก่อนที่จะเป็นพระนารายณ์ที่กล่าวกันว่ามีรูปลักษณ์เก่าแก่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์

จากนั้นจึงเป็นพระโพธิสัตว์สำริดสมัยศรีวิชัย ๒ องค์ที่สวยมากที่สุดชุดหนึ่ง ส่วนพระพิมพ์ดินอีกมากมายนั้น ได้เล่าเรื่องคาถาพระอัสสชิแถม

เช่นเดียวกับการร่ายรำของพระศิวะเพื่อกำราบพระแม่อุมาเทวี ซึ่งมีรูปสำริดสวยมากด้วย

จนดูว่าน่าจะไหว ก็เลยพาไปไหว้พระพุทธสิหิงค์
สาว ๆ สวดมนต์ไหว้พระสิหิงค์ในหอกันงดงามมากครับ.

๑๕ กค.๖๐

ชมพิพิธภัณฑ์แล้วขึ้นลานบนวิหารโพธิ์ลังกา

เรียนรู้ภาพยนต์และพระม้าในหรพระม้า

เฉพาะที่พระธาตุนั้น ได้ชี้ชวนชมมหาสาละอินเดีย

พาเข่้าสักการะรูปพระนางเหมชาลา

พาประทักษิณรอบทับเกษตร

สนุกสนานกับพระแอด
แล้วไปสักการะพระศากยมุนีศรีธรรมราชในพระวิหารหลวง

แรก ๆ ว่าคือเครื่องมือหิน อาจเป็นขวานหรืออะไร ? ตอนหลังมีการเคาะไล่เสียง สันนิษฐานใหม่ว่าอาจจะเป็นเครื่องดนตรีมนุษย์สมัยหินครับ !!!

เริ่มจากพระพุทธรูปสำริดอมราวดีพบที่สิชล จอมทอง

กับพระพิมพ์ดินดิบปางมหาปาฏิหาริย์ พบที่บ้านกำแพงถม

 

เช่นเดียวกับการร่ายรำของพระศิวะเพื่อกำราบอปัสมารบุรุษ