logo_new.jpg

ณ อาณาจักรแห่งหงส์เหนือมังกร ที่วังฤดูร้อน
When the Dragon are Underneath @ the Summer Palace
(bunchar.com เพื่อแผ่นดินเกิด 20170927_4)

การไปปักกิ่งด้วยการเยือนวังฤดูร้อนแห่งนี้
ต่อจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
ที่ได้ทบทวนประวัติศาสตร์จีนทั้งชาติ

แล้วเข้าวังต้องห้าม 
ให้ได้ตัดทอนเฉพาะหยวน-หมิง-ชิง ช่วง ๖-๗๐๐ ปีที่แล้ว
แล้วไปกำแพงเมืองจีนที่จิ๋น-ฮั่น-หมิง ทุ่มเททำ
เป็นปราการกั้นนักล่าจากที่ราบสูงตอนเหนือ
กับวังในโลกหน้าของราชวงศ์หมิง
ผู้กู้คืนจีนจากมองโกลสู่ชาวฮั่นแต่ก็ต้องพ่ายแมนจูจนได้

โดยวังฤดูร้อนนี้ สร้างโดยฮ่องเต้เฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิงจากแมนจู
ในยุดที่รุ่งเรืองสูงสุดอีกสมัยหนึ่ง
ก่อนที่จะค่อย ๆ อ่อนล้าและประสบความยุ่งยากสารพัด

ผมขอให้พาคณะเราเข้าที่ประตูตะวันออก
เพื่อเดินไม่มากนัก ก็ถึงท้องพระโรงออกว่าราชการ
ที่พระนางซูสีเผด็จอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จโดยไม่ต้องว่าหลังม่าน
แม้มังกรที่หน้าพระที่นั่ง ยังขาดดวงแก้ว
แถมครีบหลังยังถูกขอดเพื่อห้หงส์ขึ้นขี่ได้สบาย
รวมทั้งย้ายออกไปอยู่นอกสองหงส์สำริด

ส่วนที่ตำหนักจักรพรรดิก่วงซี่และฮองเฮา
ที่พระนางซูสีเอามาขังด้วยการก่อกำแพงซ่อนไว้นั้น
ผมไม่ทันได้ถ่ายภาพอะไรมาในคราวนี้
รวมทั้งที่พระตำหนักของซูสี
ถ่ายได้แต่มุมสบายใต้ต้นแมกโนเลีย
ที่เชื่อว่าพระนางน่าจะชอบนั่งสำราญใจ
ด้วยตั้งชื่อตามพระนาง เป็นนัยยะว่าสวยปานกัน

ตรงหน้าพระตำหนัก "ปลา" บอกว่าอย่าถ่ายรูปหินนี้
แต่ผมก็ถ่ายมาให้ได้เห็นกันอีกครั้ง
ชาวจีนเรียกว่า "หินซวย"
ก้อนใหญายักษืรูปร่างก็สวย มีคนไปพบกลางป่า
ฮ่องเต้เฉียนหลงให้ขนมาวางที่นี่ เพื่อถวายแซยิดไทเฮา
ความที่ก้อนใหญ่มาก จนต้องรื้อซุ้มประตู
ไทเฮาจึงสบถว่า เป็นหินซวย เสียซุ้มประตู
เฉียนหลงจะให้ขนย้าย ไทเฮาว่าหากย้ายอีก ก็ซวยซ้ำ เสียประตูอีกรอบ

ว่ากันว่าหินนี้เป็นของเศรษฐีผู้หนึ่ง ได้ไว้แล้วซวยหนัก
จึงจำหลักคำว่าซวยไว้ แล้วขนเอาไปทิ้งกลางป่า ก่อนที่เฉียนหลงจะไปพบและขนเอามา

ขนาดฮ่องเต้ทำพิธีปราบซวย แล้วแกะสลักลงอาถรรพ์ใหม่
ราชวงศ์ยังไม่พ้นซวย คนจีนเขาว่ากันอย่างนั้นครับ

เอาเป็นว่าท่านได้เห็นทั้งรูป ได้อ่านทั้งเรื่องแล้ว
อย่าไปยึดมั่นอะไรมากนะครับ กับเรื่องซวยนี้

ออกจากพระตำหนักซูสี พบพาคณะมาดูท่าน้ำหน้าตำหนัก
แล้วเลาะระเบียงบัว ไปเดินตามระเบียงยาวที่ได้ชื่อว่ายาวที่สุด

จนถึงหอพระแห่งวังฤดูร้อน
ซึ่งผมชี้ชวนว่ามาถึงทั้งที ควรที่จะขึ้นกันไป
เพราะผมมาหลายทีก็ไม่ได้จังหวะขึ้นทุกทีไป

โดยที่บนหอพระ ๘ เหลี่ยมโน้น
พวกเราได้สวดอิติปิโสฯ ประทักษิณกันครบครับ

กลับลงมา พาไปดูเรือหินของพระนางซูสีที่ฟากตะวันตก
แล้วออกจากพระราชวังผ่านสะพานและสวนหลิว
ที่ประทับใจมากเมื่อคราวก่อน

พร้อมกับข้อปลงสังเวชเฉพาะตนของผมเองว่า
ณ ที่นี้ แม้มีหอพระมหาศาล
สตรีนางหนึ่งซึ่งเข้าไปเป็นนักสนมแล้วฟลุ๊คติดลูกกับฮ่องเต้
จนได้ไต่อันดับถึงฮองเฮา 
แล้วเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการบ้านเมือง
ผ่าน ผัว ลูก กับ ๒ หลาน
จนสุดท้ายก็จบชีวิตเพียงวันเดียวหลังหลานที่ถึงกับต้องจับขังไว้ข้างกาย
แถมถูกว่ากันว่า ที่ฮ่องเต้หลานชายตาย ก็ด้วยยาสั่งของพระนาง
รวมทั้งฮ่องเต้องค์สุดท้ายที่ชื่อ ปูยี, ก็เป็นผลแห่งการจัดการเช่นกัน.

๒๗ กย.๖๐

ขออนุญาใส่ภาพทั้งนั้น
เผื่อชาวคณะมา ณ ที่นี้นะครับ

Joomla templates by a4joomla
rtp slot https://www.sidiap.org/rtp-live-slot//