เพื่อแผ่นดินเกิด

ที่สี่แยกวัดบูรณาราม ก็อดเอามาฝากไม่ได้
๔ ภาพแรก ใครรู้ไหม ว่าท่านขุนฯ และ คุณหลวงไหน ?

เริ่มจากภาพที่ ๕ แม่ค้าข้าวมันแกงกุ้งเจ้าประจำ ที่วันนี้ได้รอคิวยาว
เพราะผมสั่งห่อพิเศษทั้งข้าวและกุ้งในแกง

จากนั้นไปเปิดห่อนั่งกินที่ร้านน้ำชาริมตลาด 
โต๊ะข้าง ๆ ยังมีคนคุยภาษาจีนกันโขมงโฉงเฉง

จากนั้นมาแวะซื้อหัวครกยกถุง จากป้าที่มะขามชุมคนเดิม

แล้วออกรถกลับบ้าน ตรงช่องถนนดินก่อนถึง รร.แกรนด์ปาร์ค
ตอนเด็ก ๆ เคยมาเที่ยวเล่นที่นี่ บ้านคุณหลวงสมุทรอัษฎงค์
ภริยามาจากตระกูลนายเหมืองเมืองภูเก็ต
บ้านไม้หลังเดิมเบ้อเริ่มเทิ่ม ยังตระหง่านสวย
ได้รับการบูรณะงดงามมาก ๆ โดยยังไม่ทาสีอย่างแต่เดิม
เติมร่มมะพร้าว กับ มะยมและส้มจี๊ด ริมทางอย่างบ้านคนนครแต่ก่อน
บอกได้อย่างเดียวว่า "นิยมและชมชื่น" ครับ
ทั้งคุณโรส และ โกส่า

ต่อมาเมื่อผ่านธนาคารกรุงไทยและร้านอาหาร A&A 
ตรงหัวมุมสี่แยกที่เป็นโรงร้านขายของ ก่อนจะเลี้ยวไป Big C นั้น
ก่อนนี้คืออีกสุดยอดบ้านงามแห่งเมืองนคร
ของท่านขุนสุมนสุขภาร (ลิ่มซุ่นฮวด ลิมปิชาติ)
หนึ่งในบรรพชนต้นสกุลข้างแม่ของพวกพวกผม
ด้วยท่านเป็นน้องชายของคุณแม่ของคุณตาของผม
ปรากฏในหลายบันทึกโบราณสมัยพระพุทธเจ้าหลวง 
โดยเฉพาะของเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เรียกว่า "จีนฮวด"
คู่กันกับ "จีนซำเฮง" แล้วก็ "เฒ่าแก่ลิ่มซุ่นหงวน" (วันหลังค่อยขยายความ)

ท่านขุนสุมนสุขภารผู้นี้ มีภริยาชื่อคุณนายจือ
มีลูกหลานทายาทเติบใหญ่ในกรุงเทพมากมาย
หนึ่งนั้นคือ พลตำรวจเอกหลวงชาติตระการโกศล (เจียม ลิมปิชาติ)

บ้านสุมนสุขภาร ที่เคยตั้งตรงสี่แยกนี้
เป็นบ้านไม้สองชั้น ขนาดสันทัดแต่งดงามที่สุด
ด้านหน้ามีกอหมากแดงสวยที่สุด
ต่อมาให้เช่าทำร้านอาหาร ชื่อ "หมากแดง" อยู่พักใหญ่
เมื่อรื้อ แล้วทำอะไร ๆ อีกหลายอย่าง 
จนลงเอยเป็นอาคารร้านค้าอย่างที่เห็น

ส่วนตรงกันข้ามที่อีกมุมของสี่แยก 
ตรงข้ามกำแพงวัดบูรณารามที่ทำเป็นตึกแถวทั้งแถบ
มีบ้านตึกอีกหลังหนึ่ง ยังงามสวยอยู่หลังต้นหูกวางใหญ่
บ้านนี้ อันที่จริงเป็นบ้านของอดีตนายกเทศมนตรีเมืองนครนะครับ
เจ้าของชื่อถนน "จำเริญวิถี" ตรงหน้าห้างลัคกี้-สหไทย ไงครับ
คือบ้านของ ลูกท่านขุนสุมนสุขภาร อีกคนหนึ่ง ชื่อ "เจียง ลิมปิชาติ"
ต่อมาเปลี่ยนเป็น "นายจำเริญ" พวกผมเรียกว่า "ตาเจียง"
ภริยาชื่อ "คุณยายปรุง" นามสกุลเดิม "สุขุม" พอเห็นโยงใยไหมครับ ?

ผ่านกันไปมา ก็ลองแวะชมกันตามอัธยาศัยแต่อย่าไปรบกวนนะครับ
ผมนำมาบอกเล่าด้วยชื่นชมและประมวลประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง 
มิได้หวังให้ใครไปกวน
หากยังไง ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้นะครับ

๑๘ มิย.๕๙