เพื่อแผ่นดินเกิด

ได้ฟังท่านใบฎีกาฯ แห่งวัดวังไทรให้สัมภาษณ์ป้าจอยถึงน้องเณรปลื้ม
ก็เลยตามไปดูเพจ สุดท้ายที่ ๓๑ ธค.๕๙
บอกขอเชิญ...ว่าพร้อมสวดมนต์ข้ามปีแล้ว
แถมเชิญต่อ...ให้ทานไฟวันที่ ๗ มกราคมด้วย

แล้วใคร่ครวญถึงที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๘ เรียกร้องในหน้งหนังสือพิมพ์วันนี้

"...วัดวังตะวันตกมีผลประโยชน์มหาศาล กลุ่มผู้ต้องหา...ครอบงำได้ทั้งหมดแม้แต่อดีตเจ้าอาวาสก็ถูกขังไว้ไม่สามารถทำอะไรได้ อยู่ในสภาพห่มผ้าเหลืองเพียงอย่างเดียว กรรมการวัดก็ไม่มี จึงขอเชิญชวนให้พุทธศาสนิกชนรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากวาดล้างทำความสะอาดวัดครั้งใหญ่..."

นี้ขนาดพระอารามระดับนี้
เจ้าอาวาสที่ว่าคือ เจ้าคุณชั้นเทพ อดีตเจ้าคณะจังหวัด เปรียญธรรม ๘ ประโยค อาจารย์ผู้ใหญ่แห่ง มจร. ฯลฯ
ตั้งอยู่ ณ เกือบใจกลางเมือง บนถนนราชดำเนินห่างจากสี่แยกท่าวังไม่ถึง ๑๐๐ เมตร

แถมตรงกำแพงวัดด้านหน้า "มีป้อมยามตำรวจ มี อส.ตร.ปฏิบัติหน้าที่ประจำตลอด ๒๔ ชม."

ผมเองนั้นตระหนักเสมอว่าวัดนี้สำคัญมาก ๆ ดังที่ได้เล่าอยู่เนือง ๆ
เคยเข้าไปใช้พื้นที่วัดนี้และร่วมด้วยในหลายเรื่อง อาทิ

๑) พิทักษ์และบูรณะกุฏิทรงไทยอายุ ๑๐๐ ปี ที่รอวันรื้อทิ้ง จนอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ กลายเป็นหนึ่งในที่นิยมชื่นชม ในนาม "กุฏิกลิ่นสะตอ"
๒) นิมนต์ท่าน อ.พยอม มาแสดงธรรมครั้งสำคัญเมื่อง ๓๐ ปีก่อน จนเป็นที่เลื่องลือว่าวัดแน่นขนัดล้นหลามถึงขั้น "ระเบิดได้ด้วยธรรม"
๓) ครั้นท่าน อ.พุทธทาสละสังขาร พวกเราชาวพุทธเมืองนครก็ร่วมกันจัดงาน "พุทธทาสจักไม่ตาย" กันที่ศาลาการเปรียญและลานที่น้องเณรปลิ้มถูกเอาร่างมาวางไว้

แต่ระยะหลัง ด้วยเหตุแห่งมีกิจภายนอกมาก 
แถมทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไม่น้อยทั้งในวัดและการคณะสงฆ์แห่งเมืองนคร
ท่านมหาฯ ขึ้นเป็นเจ้าคุณตามลำดับ กระทั่งถึงชั้นเทพและเจ้าคณะจังหวัด
เจอท่านครั้งท้าย ๆ
ถามแต่ว่า "ทำไมหมอไม่ไปร่วมงานกับธรรมกาย เขาดีนะ"

ผมก็เลยไม่ใคร่ได้อาราธนานิมนต์ท่านในงานใดอีก
แถมมีเรื่องยุ่งมากทั้งในและนอกวัด
วันก่อนก็มีเฒ่าแก่ท่านหนึ่ง ถามว่า "ไซ๋ วัดนี้เป็นพันนี้แล้วละหมอ ?"

ก็ขอเชิญชวนท่านที่มีกำลังและอยู่ใกล้ได้เข้าไปช่วยท่านผู้บัญชาการตำรวจ
และอย่าให้กรณีของน้องเณรปลื้มนี้มิได้เกิดกุศลกิจใด ๆ ตามมา

กราบคณะสงฆ์แห่งมหานิกายของเมืองนคร
พร้อมทั้งองค์คณะแห่งมหาเถรฯ ด้วยขอรับ
อ้อ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด 
กับ ท่านข้าราชการที่มีอำนาจ-หน้าที่-กินเงินเดือนทั้งหลายด้วยนะครับ

อย่าให้เสียหายแก่ชื่อของ "นครศรีธรรมราช" ยิ่งกว่านี้เลยขอรับ.

๓ มิย.๖๐