การพระศาสนา
- Details
- Written by Super User
- Category: งานศาสนา
- Published: 08 March 2024
- Hits: 206
ภิกษุไม่เจริญ ไม่ทำให้มากซึ่งกายคตาสติแล้ว
มารย่อมได้ช่อง ย่อมได้อารมณ์
If Not Practice ...
(bunchar.com การพระศาสนา 20240301_8)
กำลังนี้ ที่ วัดญาณเวศกวัน กำลังจะเข้าสู่การถวายน้ำสรงของหลวง
ขอเชิญมาร่วมกันเจริญให้มากครับ ...
7. เข้าปฐมฌาณ แล้วยังกายให้คลุกเคล้า ซ่าบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่วิเวก
ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอยังกายให้คลุกเคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่วิเวก ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนที่ปีติและสุขเกิดแต่วิเวกจะไม่ถูกต้อง
เมื่อภิกษุไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ
8. เข้าทุติยฌาณ แล้วยังกายให้คลุกเคล้า ซ่าบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ
ภิกษุเข้าทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบวิตกและวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอยังกายให้คลุกเคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยปีติและสุขเกิดแต่สมาธิ ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนที่ปีติและสุขเกิดแต่สมาธิจะไม่ถูกต้อง
เมื่อภิกษุไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ
9. เข้าตติยฌาณ แล้วยังกายให้คลุกเคล้า ซาบซ่านด้วยสุขปราศจากปีติ
ภิกษุเป็นผู้วางเฉยเพราะหน่ายปีติ มีสติสัมปชัญญะอยู่ และเสวยสุขด้วยนามกาย ย่อมเข้าตติยฌาน เธอยังกายให้คลุกเคล้า บริบูรณ์ ซาบซ่านด้วยสุขปราศจากปีติ ไม่มีเอกเทศไร ๆ แห่งกายทุกส่วนที่สุขปราศจากปีติจะไม่ถูกต้อง
เมื่อภิกษุไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ
10. เข้าจตุตฌาณ แล้วเอาใจอันบริสุทธิ์แผ่ไปทั่วกาย
ภิกษุเข้าจตุตถฌานอันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาอยู่ เธอเอาใจอันบริสุทธิ์ผุดผ่องแผ่ไปทั่วกาย ไม่มีเอกเทศไรๆ แห่งกายทุกส่วนที่ใจอันบริสุทธิ์ผุดผ่องจะไม่ถูกต้อง
เมื่อภิกษุไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่ง เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ
ภิกษุเจริญกายคตาสติแล้ว ทำให้มากแล้ว ชื่อว่าเจริญและทำให้มาก ซึ่งกุศลธรรมส่วนวิชชาอย่างใดอย่างหนึ่งอันรวมอยู่ในภายในด้วย
ภิกษุไม่เจริญ ไม่ทำให้มากซึ่งกายคตาสติแล้ว มารย่อมได้ช่อง ย่อมได้อารมณ์
อ้างอิง:
(๑) กายคตาสติสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๔ ข้อที่ ๒๙๔-๓๑๗ หน้า ๑๖๑-๑๗๑
(๒) ปสาทกรธัมมาทิบาลี พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ ข้อที่ ๒๒๕-๒๔๖ หน้า ๔๒-๔๕
๑ มีนา ๖๗ ๑๗๐๐ น.
บ้านท่าวัง สะพานควาย กทม.